x close

ศิริวัฒน์ ตำนานเศรษฐีพันล้านกลายเป็นคนล้มละลาย ชีวิตพลิกเพราะแซนด์วิช 30 บาท

          ถอดบทเรียน ศิริวัฒน์ แซนด์วิช ตำนานเศรษฐีพันล้าน กลายเป็นคนล้มละลาย ชีวิตพลิกได้เพราะขายแซนด์วิช 30 บาท ลั่นทุกวิกฤตมีโอกาส ต้องจมให้ลง

ศิริวัฒน์

          รายการ เรื่องลับมาก (no censor) ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.20-15.00 น. ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 วันนี้ (29 ตุลาคม 2563) ดร.เสรี วงษ์มณฑา เปิดใจสัมภาษณ์ ศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ ผู้ก่อตั้ง ศิริวัฒน์ แซนด์วิช อดีตเศรษฐีพันล้านที่กลายเป็นคนล้มละลายจากวิกฤตต้มยำกุ้ง แต่รอดมาได้เพราะขายแซนด์วิช

ตอนนั้นทำธุรกิจอะไรอยู่ แล้วเจ๊งได้ยังไง ?

          "ก่อนปี 2540 ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เล่นหุ้น ก็กำไรอยู่พอสมควร ผมเป็นแมงเม่าตัวใหญ่ หลังจากนั้นมีเงินไปสร้างคอนโดขายที่เขาใหญ่ พอดีวิกฤต 2540 มา หุ้นเจ๊ง คอนโดขายไม่ได้ กู้เงินตอนนั้นประมาณ 400-500 ล้านทั้งหมด ดอกเบี้ย 17-19 เปอร์เซ็นต์ ในที่สุดก็เจ๊งเพราะดอกเบี้ย"

ศิริวัฒน์

จากตรงนั้นไม่รู้กี่ร้อยล้านกับแซนด์วิช มันใกล้กันตรงไหน ไปด้วยกันได้ยังไง ?

          "ผมขายแซนด์วิชชิ้นละ 30 บาท คอนโดห้องหนึ่ง 30 ล้าน ต้องขายล้านชิ้นถึงได้ 30 ล้าน ตอนนั้นหลังพิงฝาแล้ว เป็นหนี้เยอะแยะ ประชุมพนักงาน 40 คน ก็บอกว่าผมเจ๊งแล้วนะ พนักงาน 20 คน ลาออก อีก 20 คน ขอให้ช่วย พ่อแม่สอนตลอดว่ายามทุกข์ ทุกข์ด้วยกัน อย่าทิ้งลูกน้อง ผมเลยหันไปหาภรรยา ทำไงจะเลี้ยงลูกน้อง ภรรยาบอกว่าทำแซนด์วิชขาย ผมยังคิดว่าแซนด์วิชขายไม่ได้ แต่ที่ขายได้ต้องขอบคุณอาจารย์และสื่อต่าง ๆ ที่ออกมาเป็นข่าว ทำให้ประชาชนสงสารเห็นใจ คนเคยรวยมายืนข้างถนน ขายแซนด์วิชชิ้นละ 30 บาท"

เมียคิดยังไงถึงได้เอาแซนด์วิชขึ้นมา ?

          "ปกติทำให้ลูกกินก่อนไปโรงเรียน ผมก็บอกว่าเราต้องทำสดทุกวัน ถ้าขายไม่หมดเราก็ไม่ต้องเอามาขาย กินกันเอง ประหยัดไปอีกมื้อหนึ่ง ตั้งแต่ปี 2540 จนถึงวันนี้ 23 ปี แซนด์วิชที่ขายไม่หมดก็ให้ลูกน้องกินกัน ถ้าลูกน้องกินไม่หมด ก็เอาแช่ตู้เย็นและเอาไปบริจาค ทำมาตลอดครับ"

ศิริวัฒน์

แซนด์วิชโตจนสามารถกอบกู้ฐานะทางเศรษฐกิจได้ยังไง ?

          "จริง ๆ แล้วขายแซนด์วิชไม่สามารถเอากำไรไปคืนหนี้ทั้งหมด ช่วงนั้นผมถูกยึดทรัพย์หมด และถูกฟ้องเป็นบุคคลล้มละลาย จากการแก้กฎหมายล้มละลายจาก 10 ปี เหลือ 3 ปี พอครบ 3 ปี ก็พ้นจากการเป็นบุคคลล้มละลาย แต่ขายแซนด์วิชไม่ได้ร่ำรวย เพียงแต่เลี้ยงตัวเองได้ เราได้เป็นเงินสด ไม่ต้องไปกู้ ไม่ต้องไปเสียดอกเบี้ย 17-19 เปอร์เซ็นต์ แต่เนื่องจากผมไม่หยุดคิด ไม่หยุดทำ นำพระราชดำรัสในหลวง ร.9 ปรัชญาพอเพียงมาใช้ คือทำพอประมาณนะ ไม่พึ่งคนอื่น พึ่งตัวเอง สร้างภูมิคุ้มกัน ก็ค่อย ๆ ทำ ไม่ประมาท ผมเจ๊ง ผมล้ม เพราะผมประมาท ผมโลภ ไม่รู้จักพอ"

ทำให้แซนด์วิชโตมาจนมีสาขาได้ยังไง ?

          "สาขาจริง ๆ คือคนยืนขายข้างถนน ผมก็ทำด้วย แต่วันนี้อายุ 71 ยืนไม่ไหว อย่างเก่งก็ครึ่งชั่วโมง แต่ก่อน 4-5 ชั่วโมงต่อวัน"

ศิริวัฒน์

ถ้าจะขายของคุณศิริวัฒน์ ต้องทำยังไง ?

          "มาเป็นเด็กแซนด์วิช ยืนคล้องกล่องข้างถนน บนบีทีเอส ผมจบตรีเมืองนอก แต่วันหนึ่งพอเราหลังพิงฝา เราต้องสลัดทิ้งหมด แล้วทำใจมายืนขาย ถ้าผมอายุ 48 ทำได้ วันนี้เด็กหนุ่ม ๆ อายุ 20-30 ซึ่งตอนนี้ตกงานเพราะบริษัทเลิกจ้าง คุณก็ต้องทำได้ ยืนขายครึ่งเช้า ได้เงิน 500 บาท ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย กลับบ้าน เพียงแต่ว่าต้องมีเงินมัดจำ 4,000 บาท แล้วถ้าเลิกขายเมื่อไหร่ ไม่ได้ทำอะไรให้ผมเสียหาย 4,000 บาท ผมคืน"

ถ้าจะทำขายเองทำไง ?

          "ถ้าใครทำไม่เป็นก็ไปซื้อขนมปังมา หรือใครทำขนมปังเองก็ทำเองแล้วเอามาขาย โควิด 19 ต้องทำอะไรที่ขายได้ทุกวันและเป็นเงินสด แซนด์วิชนี่เป็นคำตอบ อยากบอกว่าทำของกิน เครื่องดื่ม แล้วทำเล็ก ๆ ขึ้นไป อย่าไปหวังอะไรใหญ่โต เล็กไปสู่ใหญ่ อย่าไปคิดการใหญ่ ต้องไปลงทุนโน่นนี่ อย่าครับ วันนี้อย่าไปลงทุนเยอะครับ"

วันนี้แซนด์วิชมีแทบทุกร้านกาแฟ 1 ตึก มีร้านกาแฟ 3-4 ร้าน แซนด์วิชขาดไม่ได้เลย กระทบคุณศิริวัฒน์ไหม ?

          "ไม่กระทบครับ ของเรามันเล็กมาก เราไปยืนขายตามจุดต่าง ๆ ถ้าจุดนี้ขายไม่ดีก็ไปขายจุดอื่น เราไม่มีการเช่าตึก ถ้าเช่าตึกจะเสียค่าเช่า เราอยู่ตรงนั้นลูกค้ามาหาเรา และอยากฝากว่าเราต้องไปหาลูกค้า ส่วนลูกค้าจะซื้อใครก็อยู่ที่ลูกค้า ทำอย่างไรให้ลูกค้ามาซื้อเรา ต้องสร้างความต่าง ยิ่งภาวะวิกฤตโควิด 19 มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ใครจะทำอะไรต้องคิดต้นทุนค่าใช้จ่ายก่อน อย่าเพิ่งไปคิดเรื่องยอดขายจะได้เท่าไหร่ กำไรมันมีแน่นอน แต่คิดถึงทุนก่อน อย่าไปคาดหวังมาก เศรษฐกิจแบบนี้อย่าไปคาดหวังอะไรให้มันมาก"

ศิริวัฒน์

วิกฤตต้มยำกุ้งกับวิกฤตโควิด ต่างกันยังไง ?

          "ต่างกันมาก ปี 2540 เราเจอวิกฤตต้มยำกุ้ง เพราะเราโลภ เราไปกู้เงินต่างประเทศเยอะ ตอนนั้นดอกเบี้ยต่างประเทศที่กู้เข้ามาแค่ 5-7 เปอร์เซ็นต์ แต่ในประเทศ 17-19 เปอร์เซ็นต์ กลุ่มคนที่จะมีปัญญาและเครดิตกู้ดอลลาร์คือเจ้าสัวหรือนายทุนเท่านั้น คนระดับกลางหรือล่างไม่มีสิทธิ์ เจ้าสัว เจ้าของกิจการ เดือดร้อน เพราะพอไปกู้ดอลลาร์สหรัฐมา 1 เหรียญ แลกได้ 26 บาท แต่ 2 กรกฎาคม 2540 มีการลอยตัวค่าเงินบาท จากกรกฎาคม 2540 - มกราคม 2541 เพียงแค่ 7 เดือน จาก 26 บาท ขึ้นเป็น 56 บาท นั่นแหละทำให้พวกเจ้าสัว นายทุน เจ้าของกิจการใหญ่ ๆ ที่มีเครดิตดี เจ๊งหมด คนที่ได้รับผลกระทบคือเจ้าสัว เจ้าของกิจการที่มีเครดิตดี อีกกลุ่มคือธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้ไป หนี้เสียเยอะ ปิดสถาบันการเงินตั้ง 56 แห่ง หนี้เสียหรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ของลูกหนี้ทั้งหมด แบงก์เจ๊งแน่นอน อันนั้นคือเหตุการณ์ 2540"

แต่โควิด ?

          "กระทบคนไทยทั้งหมด 67 ล้านคนทั่วประเทศ คนกินเงินเดือน ข้าราชการ คนใช้แรงงาน เกษตรกร โดนหมด ตอนต้มยำกุ้งระดับเจ้าสัวพอไปไม่ได้ก็ปิดกิจการ คนก็เลยตกงานแค่คนกลุ่มหนึ่งเท่านั้นเอง แต่เที่ยวนี้โควิดมันเป็นโรคระบาด ปี 2540 ที่เราฟื้นมาได้เพราะเงินบาทอ่อนค่า อเมริกา ยุโรป ยังดี เขาก็มาเที่ยวเรา เพราะเงินบาทมันถูก การท่องเที่ยวเราก็เลยโต ปี 2540 ถ้าจำไม่ผิด รายได้จากการท่องเที่ยวเราแค่ 2 แสนล้านบาท

          สิ้นปีที่แล้ว 2562 รายได้จากการท่องเที่ยวของเรา 1.9 ล้านล้านบาท แล้วทั่วโลกบอกว่าคนไทยน่ารักอัธยาศัยดี อาหารไทยอร่อย ผลไม้ไทยอร่อย อันนี้ทำให้รายได้การท่องเที่ยวเราโต 10 เท่าตัว ใน 20 กว่าปีที่ผ่านมา โรงแรมเราดี แต่ถูกกว่าเมืองนอกเยอะ แต่พอเกิดโควิด ตั้งแต่เดือนมีนาคม-เมษายน เป็นต้นมา นักท่องเที่ยวหายไปเลย ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวปี 2562 มีประมาณ 40 ล้านคน ปีนี้เหลือ 8 ล้านคน หายไป 80 เปอร์เซ็นต์ รายได้การท่องเที่ยวหายไป 1.6 ล้านล้าน ตรงนี้แหละทำลายเศรษฐกิจเราแบบนี้

          ไปดูภูเก็ตวันนี้สิ เหงาเลย ไม่มีนักท่องเที่ยว คนที่ไปทำงานที่ภูเก็ตเพราะรายได้ดี วันนี้ต้องกลับต่างจังหวัดหมด เพราะอยู่ไม่ได้ แล้ววันนี้โควิดยังไม่มีใครรู้เลยว่าจะจบเมื่อไหร่ จำได้ไหม มีนาคม-เมษายน ที่เราโดนโควิด ตอนมกราคม-กุมภาพันธ์ เรายังบอกว่า อู่ฮั่นสู้ ๆ พอมีนาคม-เมษายน อู่ฮั่นก็บอกว่าไทยแลนด์สู้ ๆ ทุกคนมองว่าโควิดอย่างน้อย ๆ จะจบปลายปีนี้ ธันวาคม 2563 นี่เราพฤศจิกายนแล้วยังไม่มีแววเลย ก็เลยทำให้คนไทยเดือดร้อนหมด อีกประการคือโควิดโดนกันทั่วโลก"

ศิริวัฒน์

แล้วเราควรทำยังไงกันดี ?


          "วันนี้ไทยต้องกินของไทย ไทยต้องเที่ยวของไทย อย่าไปหวังว่าต่างประเทศจะมาเพราะเขาไม่มา รัฐบาลก็พยายามให้นักท่องเที่ยวเข้ามา แต่รัฐบาลก็เริ่มลังเลแล้ว เพราะก่อนหน้านี้มีตัวอย่าง 1-2 เดือน มัลดีฟส์ บาหลี เขาก็พึ่งรายได้จากการท่องเที่ยว เขาก็ให้นักท่องเที่ยวเข้ามา ปรากฏว่าเขาติดโควิดเพิ่มขึ้น เขาก็เลยปิด ณ วันนี้ผมเรียนว่ารัฐบาลไทยแนวทางถูก แต่ต้องระมัดระวัง ต้องไม่ประมาท มาตรการทุกอย่างต้องเข้มมาก วันนี้คนไทย 67 ล้านคน ยังต้องกิน ต้องใช้ ต้องดื่ม ก็อุดหนุนของคนไทย รัฐบาลที่บอกว่ามีคนละครึ่ง เที่ยวไทย อันนี้เป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่สามารถตอบโจทย์ตรงนี้ได้ เพราะรายได้ที่คนไทยเที่ยวกันเอง ตัวเลขคร่าว ๆ คงแสนแสนล้าน ซึ่งก็ไม่ใช่ล้านล้าน"

แล้วจะเอาตัวรอดยังไง ?

          "ใครเป็นหนี้ก็ไปคุยกับเจ้าหนี้ พักหนี้ไว้ก่อน เพราะเจ้าหนี้เขาเข้าใจหมด เปิดให้ดูเลยวันนี้ไม่มีรายได้ ซึ่งรัฐบาลก็ช่วยนะ 6 เดือนที่ผ่านมาแล้วต้องทำมาหากิน อะไรที่เป็นเงินสด ใช้แรงงาน แรงกายตัวเองเข้าไปแลก วันนี้ต้องจมให้ลง อยากฝากผ่านรายการบอกคนไทยว่า 20-30 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจเราขาขึ้น ยุคเศรษฐกิจรุ่งเรืองกำลังจะผ่านไป ยุคเศรษฐกิจฝืดเคืองกำลังจะมา ตอนนี้เราขาลง ตัวทำให้เราแย่หนักคือการท่องเที่ยว เมื่อฝรั่งไม่มา เราคนไทยก็ทำกันเอง กินกันเอง ขายกันเอง ช่วยกันเอง สนับสนุนกัน เดี๋ยวในที่สุดเจอวัคซีนก็ค่อยให้ต่างประเทศเข้ามา คนมีเงินเหลือก็กินของไทย ใช้ของไทย

          ตอนนี้หลายอย่างผลิตในเมืองไทย อยากฝากว่าทุกวิกฤตมีโอกาส แล้วอย่ามัวแต่นอนอยู่บ้านแล้วคิด อย่างอมืองอเท้า ออกไปทำแล้วเจอปัญหา แก้ไขปัญหา ถ้านอนอยู่เฉย ๆ จะไม่เจอ เหมือนไปขายแซนด์วิชผมก็อาย ผมก็กลัวนะ แต่มีคนที่เขาสงสารและขออุดหนุนเราสักชิ้น ความอายหายไป 50 เปอร์เซ็นต์ ตอนนี้กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรต่างจังหวัด ถ้าท่านทำสินค้าประเภทอาหาร เครื่องดื่ม ที่มีอายุ 1 ปี มีโอทอป 4 ดาวขึ้นไป ท่านทำส่งมาให้ผมขาย เขาคือต้นน้ำ เขาอยู่รอด เราอยู่ปลายน้ำ เราอยู่รอด ในวิกฤตมีโอกาส เราอยู่ในยุคอินเทอร์เน็ต เราสามารถขายของได้"

ศิริวัฒน์

หลักการคว้าโอกาสแล้วไม่เจ๊ง ?

          "ต้องมีมายด์เซตว่าต้องอยู่รอดให้ได้ ฉันตกงาน เมียตกงาน จะทำยังไง เราต้องรอดให้ได้ และต้องจมให้ลง อะไรไม่เคยทำทำซะ แต่ฝากไว้ว่าจะทำอะไรต้องให้เป็นเงินสด เอาแรงงานตัวเองไปรับจ้าง ก็อย่าไปฟังที่บอกว่าอาทิตย์นึงจ่าย วันนี้เอาเงินสด ไม่ต้องอาย วันนี้เอาตัวเองและครอบครัวให้อยู่รอด หลายคนก็ปรึกษาผมว่ามีหนี้จะทำยังไง วันนี้เป็นจังหวะ อย่าไปหนีเจ้าหนี้ ต้องค่อย ๆ แก้ไข ทุกอย่างมันแค่ชั่วคราว"

ถ้าไปเช่าบูธแล้ว แล้วขายไม่ออก เงินค่าเช่าไม่พอ จะแนะนำยังไง ?

          "ส่วนใหญ่วันนี้จะเช่าระยะสั้นเป็นรายวัน เพราะคนให้เช่าถ้ารายเดือน ราย 3 เดือน ไม่มีคนเช่า คนทุกข์กว่าคนเช่าคือผู้ให้เช่า ดังนั้น เช่าระยะสั้น ถ้าที่นั่นขายไม่ดีก็ไปขายที่ใหม่ แต่ผมไม่อยากแนะนำให้เช่า อะไรก็ตามให้ทำด้วยตัวเราเอง วันนั้นผมไปขายแซนด์วิชข้างถนน ผมก็คิดจะไปเช่าในห้างเหมือนกัน แต่ค่าเช่า 7 หมื่นบาทต่อเดือน มัดจำ 3 เดือน ไม่มีก็คือไม่มี

          เห็นอเมริกาเขายืนขายหมากฝรั่ง ป๊อปคอร์น คล้องคอขาย ทำไมเราไม่เอาตัวอย่างเขา แต่สิ่งที่ทำอย่างนั้นเราก็โดนเทศกิจไล่ สู้กับเทศกิจ จนวันนี้เทศกิจเขายอมรับแล้วว่ากล่องศิริวัฒน์แซนด์วิชไม่วางตั้ง เราแขวนอยู่ที่คอ มายด์เซตที่เราคิดว่าเราเอาตัวเองรอด ครอบครัวรอดก็ทำไป ที่สำคัญคุณจะขายสินค้าอะไรก็แล้วแต่ ซื่อสัตย์กับลูกค้า เมื่อไหร่ที่ผมเอาแซนด์วิชแช่ตู้เย็นแล้วเอามาขายซ้ำ กัดไปจะรู้เลยว่าของค้าง แซนด์วิชผมเมื่อไหร่ ปีไหน รับประกันเลย สด สะอาด อร่อยทุกวัน"  

ศิริวัฒน์

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ศิริวัฒน์ ตำนานเศรษฐีพันล้านกลายเป็นคนล้มละลาย ชีวิตพลิกเพราะแซนด์วิช 30 บาท อัปเดตล่าสุด 29 ตุลาคม 2563 เวลา 23:52:01 49,107 อ่าน
TOP