x close

เทียบ 7 นโยบายเด่น ทรัมป์ VS ไบเดน ในศึกหยุดโลก เลือกตั้งสหรัฐฯ 2020

          เปรียบเทียบ 7 นโยบายหลัก ของ โดนัลด์ ทรัมป์ กับ โจ ไบเดน ในศึก เลือกตั้งสหรัฐฯ 2020 แดงหรือน้ำเงินจะชนะ เดี๋ยวได้รู้กัน !

โดนัลด์ ทรัมป์ โจ ไบเดน
ภาพจาก JIM WATSON, SAUL LOEB / AFP

          การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา 2020 กำลังใกล้เข้ามาทุกขณะแล้ว นั่นก็คือ วันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 ซึ่งในปีนี้การนับคะแนนอาจจะล่าช้า เนื่องจากติดปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 และการนับผลโหวตจากทางไปรษณีย์ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังต้องลุ้นผลคะแนนจาก Swing States บวกกับผู้แทนเลือกตั้ง (Electoral College Vote)

          แน่นอนว่าสองผู้ชิงเก้าอี้มหาอำนาจ ทั้ง โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน (Republican) และ โจ ไบเดน (Joe Biden) คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต (Democrat) มีแนวคิดทางการเมืองที่แตกต่างกันแบบคนละขั้ว

          ดังนั้น ในวันนี้ กระปุกดอทคอม จะมาวิเคราะห์นโยบายที่น่าสนใจของทั้งสองคนว่าแตกต่างกันอย่างไร แบบสรุปสั้น ๆ และเข้าใจง่าย ตามมาเลย !

เปรียบเทียบ 7 นโยบายหลัก - โดนัลด์ ทรัมป์ VS โจ ไบเดน

โดนัลด์ ทรัมป์ โจ ไบเดน
ภาพจาก SAUL LOEB, ANGELA WEISS / AFP

1. การต่างประเทศ

- ทรัมป์

          ประธานาธิบดีคนที่ 45 ได้ย้ำคำสัญญาที่ให้ไว้กับชาวอเมริกัน ว่าเขาจะทำการลดกำลังทหารของสหรัฐฯ ในต่างประเทศลง แต่ในขณะเดียวกัน เขาจะยังคงลงทุนในด้านการยุทโธปกรณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กองทัพสหรัฐฯ เกรียงไกรที่สุด

          นอกจากนี้แล้ว เขายังกล่าวอีกว่า เขาพร้อมจะท้าทายพันธมิตรในระดับนานาชาติ และมุ่งมั่นที่จะทำสงครามการค้ากับจีนต่อไป

- ไบเดน

          อดีตรองประธานาธิบดี 2 สมัย ได้ให้สัญญาว่าเขาจะรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับพันธมิตรให้กระชับแน่นแฟ้นมากขึ้น ในขณะเดียวกัน เขาจะไม่ตั้งกำแพงภาษีกับจีน แต่พร้อมที่จะปะทะกับจีนในระดับนานาชาติ ในเรื่องที่แม้แต่จีนเองก็ไม่สามารถเพิกเฉยได้

2. เศรษฐกิจและภาษีภายในประเทศ  

- ทรัมป์

          ประกาศคำมั่นว่าจะสร้างงานให้กับอเมริกันชน 10 ล้านงาน ภายในระยะเวลา 10 เดือน และจะสร้างธุรกิจขนาดเล็กใหม่ ๆ ขึ้นมา 1 ล้านธุรกิจด้วยกัน

          เขากล่าวอีกว่าจะลดภาษีเงินได้ และจะให้เครดิตด้านภาษีพิเศษกับบริษัทห้างร้านต่าง ๆ เพื่อจูงใจให้ยังคงปักหลักทำธุรกิจอยู่ในสหรัฐฯ ต่อไป จะได้ไม่ต้องออกไปนอกประเทศ

- ไบเดน

          ต้องการขึ้นภาษีคนรวย หรือกลุ่มผู้มีรายได้สูง เพื่อนำมาใช้ลงทุนในกิจการสาธารณะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การขึ้นภาษีดังกล่าวจะเก็บเฉพาะกับผู้ที่มีรายได้มากกว่าปีละ 400,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 12.5 ล้านบาท เท่านั้น

          นอกจากนี้แล้ว ไบเดนยังสนับสนุนโครงการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเกือบ 2 เท่า จากเดิมชั่วโมงละ 7.25 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 225 บาท เป็นชั่วโมงละ 15 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 467 บาท

โจ ไบเดน
ภาพจาก ANGELA WEISS / AFP

3. ปัญหาด้านเชื้อชาติ และตำรวจ

- ทรัมป์

          ทรัมป์ไม่เชื่อว่าการเหยียดเชื้อชาติ หรือการเหยียดสีผิว (Racism) จะเกี่ยวเนื่องกับปัญหาเชิงโครงสร้างของระบบตำรวจอเมริกัน

          ในขณะเดียวกัน เขาวางตัวอย่างชัดเจนว่าสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมาย พร้อมกับเสนองบประมาณในการปรับปรุงระบบ แต่ยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงในการจับกุม

- ไบเดน

          ไบเดน มองว่า การเหยียดผิว หรือการเหยียดเชื้อชาติ เป็นปัญหาในระดับโครงสร้างของสังคม และได้วางนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาความไม่เสมอภาคทางเชื้อชาติเอาไว้แล้ว

          รวมทั้งในกระบวนการยุติธรรม เช่น การให้งบประมาณสนับสนุน เพื่อลดอัตราการจำคุก

          ไบเดนยังแสดงจุดยืนว่าเขาปฏิเสธข้อเรียกร้องให้ตัดงบตำรวจ (defund the police) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การจะเพิ่มงบประมาณก็ต้องสอดคล้องกับการเพิ่มมาตรฐานให้เหมาะสมด้วย

4. การควบคุมปืน

- ทรัมป์

          หลังจากการเกิดเหตุกราดยิงหลายครั้งในปี 2019 ทรัมป์ไม่ได้เสนอให้มีกฎหมายควบคุมอาวุธปืนแต่อย่างใด เพียงแค่เสนอให้คัดกรองและตรวจสอบประวัติผู้ที่จะซื้ออาวุธปืนให้ละเอียดรัดกุมมากขึ้น

          ทั้งนี้ เป็นที่เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่า ทรัมป์ให้การสนับสนุนอันแรงกล้าต่อคำแปรบัญญัติที่ 2 ของรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ (Second Amendment) ว่าด้วยการปกป้องสิทธิเสรีภาพในการครอบครองอาวุธปืนของชาวอเมริกัน

- ไบเดน

          ไบเดนมีแนวคิดที่ตรงกันข้ามกับทรัมป์ในเรื่องนี้ โดยเขาได้เสนอให้มีการแบนอาวุธปืนอย่างจริงจัง ผู้ที่จะซื้อปืนต้องได้รับการตรวจสอบประวัติอย่างละเอียดรอบคอบในทุก ๆ ด้าน

          รวมทั้งจำกัดการซื้อปืน จากที่ไม่จำกัดจำนวน ให้เหลือเพียงแค่สามารถซื้อได้เดือนละ 1 กระบอก ต่อ 1 คน และเสนอให้การฟ้องร้องผู้ขายปืน หรือผู้ผลิตปืน เป็นเรื่องง่ายมากขึ้น

          ไบเดนยังได้ลงทุนในการค้นคว้าวิจัยด้านการป้องกันเรื่องความรุนแรงจากการใช้ปืน (gun violence prevention)

โดนัลด์ ทรัมป์
ภาพจาก MANDEL NGAN / AFP

5. ปัญหาสิ่งแวดล้อมและภาวะโลกร้อน

- ทรัมป์

          เป็นที่ทราบกันดีว่าตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน ไม่เชื่อเรื่องปัญหาภาวะโลกร้อน ไม่ให้ความสำคัญกับการปกป้องสิ่งแวดล้อม และต้องการดึงเอาพลังงานสิ้นเปลือง (non-renewable energy) กล่าวคือ น้ำมันดิบ ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ มาใช้ให้กว้างขวางมากขึ้น

          เป้าหมายที่สำคัญของทรัมป์ คือ การเพิ่มการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซให้มากขึ้น

- ไบเดน

          ตัวแทนจากพรรคเดโมเครต ประกาศว่า หากเขาชนะการเลือกตั้งและได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ เขาจะพาสหรัฐฯ กลับเข้าสู่ข้อตกลงปารีส นั่นก็คือ กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในทันที

          ไบเดนยังมีความต้องการให้สหรัฐฯ ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากกว่านี้ และอยากให้สหรัฐฯ กลายเป็นประเทศปลอดมลพิษในปี 2050 หรืออีก 30 ปี ข้างหน้า

          เขายังต้องการให้ยุติโครงการการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในพื้นที่สาธารณะ รวมทั้งตั้งเป้าทุ่มงบลงทุน 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 62 ล้านล้านบาท ในพลังงานสีเขียว หรือพลังงานสะอาด

6. ระบบสาธารณสุข

- ทรัมป์

          ทรัมป์ต้องการยกเลิกกฎหมาย Affordable Care Act (ACA) หรือกฎหมายโอบามาแคร์ ซึ่งก็คือ สวัสดิการด้านสุขภาพและการรักษาพยาบาลของรัฐบาลที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ โดยจะตัดงบประมาณในส่วนนี้ทั้งหมด

          เขายังประกาศว่าจะพัฒนาด้านการรักษาพยาบาลและมีแผนการรองรับเอาไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้

          ทรัมป์ยังตั้งเป้าว่าจะลดราคายารักษาโรคให้ถูกลง ด้วยการอนุญาตให้มีการนำเข้ายาราคาถูกจากต่างประเทศ

- ไบเดน

          ในทางตรงกันข้าม ไบเดนต้องการให้โอบามาแคร์ยังคงอยู่ต่อไป และพัฒนาปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น เขายังมีความประสงค์ให้โครงการ Medicare (สวัสดิการรัฐที่ช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลคนชรา) ปรับเกณฑ์อายุให้น้อยลงจาก 65 ปี เป็น 60 ปี

          นอกจากนี้แล้ว ไบเดนยังต้องการให้ชาวอเมริกันทุกคนมีสิทธิ์เข้าถึงโครงการประกันสุขภาพของรัฐที่คล้ายคลึงกับ Medicare ด้วยเช่นกัน

โจ ไบเดน
ภาพจาก ANGELA WEISS / AFP

7. โรคโควิด 19

- ทรัมป์

          ทรัมป์ได้จัดตั้งหน่วยงานควบคุมและป้องกัน เชื้อโคโรนาไวรัส (Coronavirus) ตั้งแต่เดือนมกราคม 2020 แต่การดำเนินงานเป็นไปอย่างล่าช้า และถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ล่าสุดเขาได้เปลี่ยนแผนไปโฟกัสเรื่องการเปิดประเทศอีกครั้งอย่างปลอดภัย

          ทรัมป์ยังต้องการให้สหรัฐฯ พัฒนากระบวนการรักษาและการผลิตวัคซีนด้านโรค COVID-19 ให้ได้อย่างรวดเร็วที่สุด โดยได้สั่งให้จัดงบประมาณ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3.1 แสนล้านบาท เพื่อการนี้แล้ว

- ไบเดน

          ไบเดนต้องการจัดตั้งโครงการสืบหาและเฝ้าติดตามผู้ติดเชื้อ รวมทั้งจัดตั้งศูนย์ตรวจโรคอย่างน้อย 10 แห่ง ในทุก ๆ รัฐ และตั้งเป้าให้บริการตรวจหา โรคโควิด 19 ฟรี

          ไบเดนยังสนับสนุนอย่างเปิดเผยเรื่องการกระตุ้นให้ประชาชนทั่วประเทศ สวมใส่หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า หรือปิดบังใบหน้า อย่างเคร่งครัด ทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน

          การเลือกตั้งในปีนี้นับว่ามีความสำคัญอย่างมาก และจะเป็นการชี้ชะตาสหรัฐฯ แม้ว่าการประกาศผลอาจจะล่าช้า แต่คาดว่าน่าจะรู้ผลผู้เหนือกว่าในคืนชิงดำนี้ ซึ่งจะตรงกับช่วงบ่ายของวันที่ 4 พฤศจิกายน ตามเวลาประเทศไทย

          ทั้งนี้ ไม่อาจคาดเดาได้เลย เพราะจากโพลต่าง ๆ แล้ว ทั้ง 2 ผู้สมัครคะแนนสูสีกันมาก คงต้องลุ้นกันจนวินาทีสุดท้าย


ขอบคุณข้อมูลจาก BBC

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เทียบ 7 นโยบายเด่น ทรัมป์ VS ไบเดน ในศึกหยุดโลก เลือกตั้งสหรัฐฯ 2020 อัปเดตล่าสุด 3 พฤศจิกายน 2563 เวลา 15:57:30 11,081 อ่าน
TOP