หนุ่มสัมภาษณ์งาน แต่ถูกปฏิเสธทันที ถูกปัดตกภายใน 5 นาที
หลังก้าวเข้าตึก เพราะสิ่งที่ทำกับพนักงานต้อนรับ หารู้ไม่
ที่แท้เป็นผู้จัดการปลอมตัวมา
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ในขณะที่ใครหลายคนอาจตื่นเต้นและกังวลเกี่ยวกับการสัมภาษณ์งานใหม่
เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะต้องมีการเตรียมความพร้อมก่อนการไปสัมภาษณ์งานใด ๆ
ทั้งการแต่งตัว การศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับงานนั้น ๆ ไว้ล่วงหน้า
พร้อมที่จะแสดงออกถึงศักยภาพและความกระตือรือร้นที่มีต่องาน
เพราะความประทับใจแรกนั้นย่อมเป็นสิ่งสำคัญ
อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ก็คือการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับทุก ๆ คน ไม่เว้นแม้แต่พนักงานต้อนรับ มิเช่นนั้นอาจเป็นดังพ่อหนุ่มรายหนึ่ง ที่ถูกทางบริษัทตัดชื่อออกตั้งแต่ 5 นาทีแรกหลังก้าวเข้ามาในอาคาร เพราะพฤติกรรมการแสดงออกของเขา
อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ก็คือการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับทุก ๆ คน ไม่เว้นแม้แต่พนักงานต้อนรับ มิเช่นนั้นอาจเป็นดังพ่อหนุ่มรายหนึ่ง ที่ถูกทางบริษัทตัดชื่อออกตั้งแต่ 5 นาทีแรกหลังก้าวเข้ามาในอาคาร เพราะพฤติกรรมการแสดงออกของเขา
"เขาไม่สนใจไยดีพนักงานต้อนรับเลย เธอทักทายเขา แต่เขาแทบไม่สบตา เธอพยายามชวนเขาคุยอีกครั้ง แต่ก็เหมือนเดิม เขายังไม่สบตา ไม่สนใจที่จะคุยกับเธอ แต่สิ่งที่ผู้สมัครรายนี้ไม่รู้ก็คือ แท้จริงแล้วพนักงานต้อนรับคนนี้ก็คือ Hiring Manager ที่มีอำนาจตัดสินใจในการคัดคนเข้ามาทำงาน"
หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็เรียกเขากลับไปยังห้องประชุม และอธิบายให้เขาฟังว่าคนในทีมทุกคนมีคุณค่าและควรค่าแก่การเคารพ เนื่องจากปฏิกิริยาที่เขาแสดงออกต่อพนักงานต้อนรับ ทำให้ผู้จัดการคนนี้รู้สึกว่าเขาไม่เหมาะสม และได้แจ้งเขาว่าการสัมภาษณ์ในครั้งนี้จบลงแล้ว
ทั้งนี้ ผู้ใช้เรดดิทรายนี้ยังทิ้งท้ายว่า ขอให้ทำดีไว้กับทุก ๆ คนในตึก และยังเสริมอีกว่าจริง ๆ แล้วสิ่งที่พ่อหนุ่มคนนี้ทำ ไม่ใช่แค่การไม่สบตา แต่เขายังมีท่าทีหยาบคายอย่างเปิดเผยกับเธอ ทำเหมือนพนักงานต้อนรับมีอำนาจต่ำกว่าเขา แต่ในตอนที่เขาคิดว่าตัวเองกำลังคุยกับคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจรับเข้างาน บุคลิกของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง...
อยู่ ๆ พ่อหนุ่มรายนี้แสดงออกถึงความเป็นมิตร เปิดเผย และผ่อนคลาย เรียกว่าเป็นคนละเรื่องกับคนที่คุยกับพนักงานต้อนรับก่อนหน้านี้ ขณะที่ตำแหน่งงานดังกล่าวนั้นจำเป็นต้องมีการพบปะกับลูกค้า และต้องมีบุคลิกอบอุ่น การเข้าถึงได้ และทักษะการเข้าสังคมเป็นสิ่งสำคัญ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาชวดงานนี้ไปในที่สุด
ขณะที่เมื่อเรื่องดังกล่าวกลายมาเป็นที่พูดถึง ก็ได้มีชาวเน็ตมากมายเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็น โดยหลายคนได้เข้ามาแชร์ประสบการณ์ ชี้ว่าในบางสายงาน ไม่ใช่แค่คนที่อยู่ในห้องสัมภาษณ์เท่านั้นที่มีอำนาจประเมินผู้สมัคร พนักงานทุกคนล้วนเป็นทีมงานที่มีศักยภาพ และพวกเขาทั้งหมดก็อาจจะมีส่วนในการประเมินเช่นกัน
ชาวเน็ตอีกรายยังเล่าว่า ในงานที่เขาเคยทำก่อนหน้านี้ เขาได้ขึ้นลิฟต์ระหว่างขึ้นไปสัมภาษณ์งาน และได้พูดคุยกับชายคนหนึ่งที่อยู่ในลิฟต์ตัวเดียวกัน โดยหารู้ไม่ว่าชายคนนี้ คือซีอีโอของบริษัท
"ผมได้งานครับ โชคดีที่ผมมีพลังมากและมีความเป็นมิตร แม้จะประหม่า ทำให้ซีอีโอรู้สึกชอบผม ตั้งแต่ก่อนที่ผมจะได้เจอกับเขาในอีกหลายชั่วโมงหลังจากนั้น เพราะงั้น... ขอให้เราทำดีไว้กับทุก ๆ คนนะ"
ขอบคุณข้อมูลจาก Lad Bible , reddit