อาคารปฏิบัติการเครื่องโทคาแมคแห่งนี้ เป็นอาคารเพื่อรองรับการติดตั้งเครื่องโทคาแมครุ่น HT-6M ซึ่งสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม หรือ สทน. ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำนวน 214 ล้านบาท เพื่อพัฒนาเครื่องโทคาแมคของไทย จากชิ้นส่วนหลักของเครื่องโทคาแมค HT-6M และระบบสนับสนุนของเครื่องโทคาแมค รวมทั้งยังได้รับสนับสนุนงบประมาณแผ่นดินจำนวนประมาณ 100 ล้านบาท ประกอบด้วย งบประมาณเพื่อพัฒนาระบบวิศวกรรมต่อยอดและนวัตกรรมสำหรับเครื่องโทคาแมค จำนวน 54 ล้านบาท และงบประมาณสำหรับการก่อสร้างอาคารปฏิบัติการโทคาแมค อีกจำนวน 46 ล้านบาท เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก จำนวน 2 ชั้น แบ่งเป็นส่วนสำนักงานและส่วนปฏิบัติการ
โดยส่วนปฏิบัติการ มีพื้นที่ใช้สอยรวมประมาณ 670 ตารางเมตร ประกอบด้วย พื้นที่ปฏิบัติการสำหรับติดตั้งเครื่องโทคาแมค และพื้นที่สำหรับระบบสนับสนุนของเครื่องโทคาแมค อาคารดังกล่าวมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2565
สำหรับการดำเนินงานการวิจัยด้านพลาสมาและฟิวชันในประเทศไทย เพื่อนำผลวิจัยพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชัน ซึ่งเป็นพลังงานสะอาด ไม่ก่อให้เกิดกากกัมมันตรังสี มาใช้ประโยชน์ในเชิงเกษตรกรรมด้านอาหาร เพื่อการฆ่าเชื้อโรคในอาหารและผลิตผลทางการเกษตร ในเชิงการแพทย์ การประยุกต์เทคโนโลยีพลาสมามาใช้ในอุตสาหกรรมทางการแพทย์และสุขอนามัยโดยใช้พลาสมาในการบำบัดแผลติดเชื้อและแผลเรื้อรัง พร้อมช่วยกระตุ้นการสร้างเส้นเลือดเนื้อเยื่อใหม่ หรือการรักษาผิวหน้า การรักษาแผล ตลอดจนถึงการมีส่วนช่วยในเรื่องของการกำจัดขยะและของเสีย
นอกจากนั้น สทน. และ สถาบันพลาสมาฟิวชันประเทศจีน หรือ ASIPP จะร่วมกันพัฒนาบุคลากรด้านพลาสมาและพลังงานฟิวชัน โดย ASIPP จะให้ทุนการศึกษานักศึกษาไทยไปศึกษาวิจัยต่อในหน่วยงานวิจัยทางเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าของโลก และให้โอกาสนักวิจัยไทยเข้าร่วมทำวิจัย โดยใช้เครื่องมือและห้องปฏิบัติการระดับโลก และจะร่วมสร้างห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีโทคาแมค เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ของไทยในระดับภูมิภาคต่อไป
จะเห็นว่าโครงการนิวเคลียร์ฟิวชันและพลาสมา การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีนิวเคลียร์ฟิวชั่นนับเป็นหนึ่งในงานวิจัย ขั้นแนวหน้า หรือ Frontier research ที่จะช่วยสร้างความรู้ ความเป็นเลิศ และความสามารถในการสร้างเทคโนโลยีขั้นสูงที่สำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ ช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบนวัตกรรมไทย สร้างอุตสาหกรรมอนาคตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นผู้ส่งออกเทคโนโลยีและนวัตกรรม
อีกทั้งเป็นการเพิ่มศักยภาพในการรับมือภัยคุกคามอันเกิดจากภาวะวิกฤตและเทคโนโลยีที่แปรเปลี่ยนสู่ความสามารถพึ่งพาตัวเองได้ สามารถนำไปพัฒนาต่อยอดและส่งเสริมเทคโนโลยีอื่น ๆ ได้ เช่น เทคโนโลยีอวกาศ หุ่นยนต์ ระบบราง การแพทย์ และการเกษตร ช่วยยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการให้สามารถแข่งขันในตลาดสากล ทัดเทียมกับนานาอารยประเทศอีกด้วย