งูหลามอาจกลายเป็นเมนูขึ้นโต๊ะร้านอาหารทั่วฟลอริดา
หากยืนยันกินได้อย่างปลอดภัย ทางการเตรียมกระตุ้นคนให้หันมากิน
หวังคุมจำนวนประชากรสัตว์คุกคาม

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
วันที่ 20 ธันวาคม 2563 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า
งูหลามพม่าอาจเปลี่ยนสถานะจากสัตว์นักล่ากลายมาเป็นเหยื่อในไม่ช้า
หากนักวิทยาศาสตร์ในรัฐฟลอริดา สหรัฐฯ สามารถยืนยันได้ว่างูหลามพม่า
ซึ่งเป็นสายพันธุ์รุกรานอย่างหนักในอุทยานแห่งชาติเอเวอร์เกลดส์ ของฟลอริดา
มีความปลอดภัยแก่การนำมาบริโภค
ในขณะที่งูหลามพม่าเป็นงูที่ไม่มีพิษ แต่มันกลับถูกจัดเป็นความเสี่ยงร้ายแรงต่อสัตว์ป่าพื้นเมืองหรือสัตว์ประจำถิ่นในภูมิภาคดังกล่าว โดยงูหลามพม่านั้นไม่ใช่สัตว์ประจำถิ่นของรัฐฟลอริดา แต่เริ่มพบเห็นได้ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเอเวอร์เกลดส์ตั้งแต่ยุค 80 ซึ่งคาดว่างูเหล่านี้น่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่หลบหนีออกมา หรือไม่ก็ถูกคนเลี้ยงนำมาปล่อย จนเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ ในพื้นที่ธรรมชาติ
ในขณะที่งูหลามพม่าเป็นงูที่ไม่มีพิษ แต่มันกลับถูกจัดเป็นความเสี่ยงร้ายแรงต่อสัตว์ป่าพื้นเมืองหรือสัตว์ประจำถิ่นในภูมิภาคดังกล่าว โดยงูหลามพม่านั้นไม่ใช่สัตว์ประจำถิ่นของรัฐฟลอริดา แต่เริ่มพบเห็นได้ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเอเวอร์เกลดส์ตั้งแต่ยุค 80 ซึ่งคาดว่างูเหล่านี้น่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่หลบหนีออกมา หรือไม่ก็ถูกคนเลี้ยงนำมาปล่อย จนเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ ในพื้นที่ธรรมชาติ
ที่ผ่านมา คณะกรรมการอนุรักษ์ปลาและสัตว์ป่าแห่งฟลอริดา ได้เริ่มโครงการล่างูหลามด้วยการส่งนักล่าออกไปจับและฆ่างูหลามพม่า รวมถึงกระตุ้นให้ชาวเมืองจับงูออกไปหรือฆ่าด้วยมนุษยธรรม รวมถึงให้แจ้งเรื่องการพบเห็นงูหลามต่อทางการ โดยขณะนี้พบว่ามีงูหลามร่วม 6,000 ตัว ที่ถูกนำออกไปจากอุทยานแห่งชาติเอเวอร์เกลดส์ ภายใต้โครงการล่างูดังกล่าว
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ซูซาน นีล โฆษกของคณะกรรมการ กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงต้นของการศึกษา โดยตอนนี้มีการรวบรวมตัวอย่างเนื้อเยื่อของงูหลามพม่าจากโครงการล่างูมาใช้ในการตรวจสอบ ภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อจะพัฒนาและแนะนำให้ประชาชนในพื้นที่หันมาบริโภคงู อันจะเป็นการช่วยจำกัดจำนวนประชากรงูหลามพม่า
ขณะที่ ไมค์ เคิร์กแลนด์ ผู้จัดการโครงการล่างูดังกล่าว ชี้ว่า ปรอทเป็นองค์ประกอบที่เกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติภายในสิ่งแวดล้อม และในอุทยานแห่งชาติเอเวอร์เกลดส์ก็มีปริมาณปรอทอยู่สูง ทั้งนี้ เราจะพบปรอทสะสมระดับสูงในกลุ่มผู้ที่อยู่ด้านบนของห่วงโซ่อาหาร และโชคร้ายที่งูหลามพม่าอยู่ในจุดนั้น แต่หากนักวิทยาศาสตร์ยืนยันได้ว่ามันปลอดภัยแก่การนำมากิน ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการควบคุมจำนวนประชากร
ขอบคุณข้อมูลจาก ซีเอ็นเอ็น






