นักวิทยาศาสตร์จากแล็บอู่ฮั่น เปิดท้าให้ตรวจ เชิญองค์การอนามัยโลกสืบสวน ปมข่าวลือปล่อยเชื้อหลุด เผยหลายปีก่อนหน้านี้ เคยมีคนเสียชีวิตปริศนาในพื้นที่ เพราะโรคประหลาดมาแล้ว
วันที่ 22 ธันวาคม 2563 สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า ศาสตราจารย์สือ เจิ้งหลี่ หัวหน้าสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น ส่งหนังสืออย่างเป็นทางการถึง องค์การอนามัยโลก หรือ WHO (World Health Organization) ให้เข้าตรวจสอบห้องแล็บของสถาบันได้ หลังจากตกเป็นข่าวลือมาอย่างยาวนานว่าเป็นต้นตอการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 โดยเธอยืนยันความโปร่งใสและยินดีให้ตรวจสอบได้ทุกซอกทุกมุม
ในปี 2546 ศาสตราจารย์สือ เจิ้งหลี่ เดินทางไกลกว่า 1,600 กิโลเมตร ไปยังถ้ำแห่งหนึ่งตั้งอยู่ห่างไกลในเมืองตงกวน มณฑลยูนนาน เพื่อเก็บตัวอย่างอุจจาระจากค้างคาวจำนวนหนึ่งกลับมาตรวจที่ห้องแล็บในอู่ฮั่น
ในครั้งนั้นทีมนักวิจัยของเธอค้นพบเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่หลายร้อยชนิดจากค้างคาว และหนึ่งในนั้นคือต้นเหตุของ โรคซาร์ส ที่คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 700 ราย
ระบบถ้ำที่ซับซ้อนท่ามกลางป่ายูนนานก็ได้กลายเป็นสถานที่ค้นคว้าวิจัยทางวิทยาศาสตร์ขนาดใหญ่ยักษ์ มาเป็นเวลานานกว่าทศวรรษ
กระทั่งปี 2555 คนงานเหมืองที่ปัจุบันทิ้งร้างไปแล้ว 6 คน ล้มป่วยด้วยโรคประหลาดที่ไม่สามารถอธิบายได้ และ 3 คนในจำนวนนี้ เสียชีวิต แม้ว่าตอนนั้นจะไม่ใช่ข่าวใหญ่ แต่ในปัจจุบัน เคสการเสียชีวิต 3 ราย ดังกล่าว ได้ถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
ได้มีการตั้งคำถามว่าโรคประหลาดดังกล่าวมีต้นต่อมาจากการวิจัยของสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่นหรือไม่ และการที่รัฐบาลจีนพยายามป้องกันไม่ให้เข้าถึงพื้นที่ดังกล่าว ยิ่งทำให้ข่าวลือหนาหูยิ่งขึ้น
ด้วยความที่อู่ฮั่นเป็นหนึ่งในเมืองแห่งศูนย์วิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่มีความก้าวหน้าระดับต้น ๆ ของโลก และเป็นเมืองแรกที่มีการแพร่ระบาดของโรค Covid 19 จึงนำไปสู่การนำข้อสงสัยต่าง ๆ มาเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน
ภาพจาก HECTOR RETAMAL AFP
ข่าวลือพุ่งเป้าโจมตีว่า โควิด 19 หลุดออกมาจากสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น ซึ่งสร้างความไม่พอใจแก่ ศาสตราจารย์สือ เจิ้งหลี่ กับรัฐบาลจีนเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาออกมายืนกรานปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริง
แต่ล่าสุด หลังจากตกเป็นข่าวลือและทฤษฎีสมคบคิดอยู่เป็นปี ในที่สุดทาง ศาสตราจารย์สือ เจิ้งหลี่ ก็ได้ออกมาเผยว่า ยินดีเปิดพื้นที่สถาบันวิจัยไวรัสวิทยาอู่ฮั่น ให้ทีมนักวิทยาศาสตร์จาก WHO เดินทางเข้าตรวจสอบในเดือนมกราคม 2564 เพื่อหาต้นตอของโรคระบาด
ขณะที่ศาสตราจารย์สือ เจิ้งหลี่ เปิดเผยกับบีบีซี ว่า ได้เคยพูดคุยกับทางองค์การอนามัยโลกมาแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งตนเองยืนยันความบริสุทธิ์ไปแล้ว และแสดงเจตจำนงอย่างชัดเจนว่ายินดีต้อนรับทีมเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาสืบสวน ส่วนแผนการว่าจะทำอย่างไรนั้น ไม่ได้อยู่ในการตัดสินใจของตน
อย่างไรก็ตาม ต่อมาทางสำนักข่าวบีบีซี กลับได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ของสถาบันวิจัยไวรัสวิทยาอู่ฮั่น อ้างว่า คำพูดของศาสตราจารย์สือ เจิ้งหลี่ ที่ยินดีให้ทีมขององค์การอนามัยโลกเข้าตรวจสอบ เป็นการพูดโดยส่วนตัวของเธอเท่านั้น โดยที่ยังไม่ได้ผ่านการอนุมัติจากทางสถาบัน
ขอบคุณข้อมูลจาก BBC
วันที่ 22 ธันวาคม 2563 สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า ศาสตราจารย์สือ เจิ้งหลี่ หัวหน้าสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น ส่งหนังสืออย่างเป็นทางการถึง องค์การอนามัยโลก หรือ WHO (World Health Organization) ให้เข้าตรวจสอบห้องแล็บของสถาบันได้ หลังจากตกเป็นข่าวลือมาอย่างยาวนานว่าเป็นต้นตอการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 โดยเธอยืนยันความโปร่งใสและยินดีให้ตรวจสอบได้ทุกซอกทุกมุม
ในปี 2546 ศาสตราจารย์สือ เจิ้งหลี่ เดินทางไกลกว่า 1,600 กิโลเมตร ไปยังถ้ำแห่งหนึ่งตั้งอยู่ห่างไกลในเมืองตงกวน มณฑลยูนนาน เพื่อเก็บตัวอย่างอุจจาระจากค้างคาวจำนวนหนึ่งกลับมาตรวจที่ห้องแล็บในอู่ฮั่น
ในครั้งนั้นทีมนักวิจัยของเธอค้นพบเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่หลายร้อยชนิดจากค้างคาว และหนึ่งในนั้นคือต้นเหตุของ โรคซาร์ส ที่คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 700 ราย
ศาสตราจารย์สือ เจิ้งหลี่ - ภาพจาก JOHANNES EISELE AFP
การค้นพบดังกล่าวทำให้ศาสตราจารย์สือ เจิ้งหลี่ มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก และได้รับฉายาว่าเป็น มนุษย์ค้างคาวหญิงแห่งเมืองจีน (China's Batwoman) โดยเธอได้ทำโปรเจกต์ค้นคว้าและวิจัยมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อคาดเดาและป้องกันไม่ให้เกิดโรคระบาดลักษณะดังกล่าวขึ้นอีกในอนาคตระบบถ้ำที่ซับซ้อนท่ามกลางป่ายูนนานก็ได้กลายเป็นสถานที่ค้นคว้าวิจัยทางวิทยาศาสตร์ขนาดใหญ่ยักษ์ มาเป็นเวลานานกว่าทศวรรษ
กระทั่งปี 2555 คนงานเหมืองที่ปัจุบันทิ้งร้างไปแล้ว 6 คน ล้มป่วยด้วยโรคประหลาดที่ไม่สามารถอธิบายได้ และ 3 คนในจำนวนนี้ เสียชีวิต แม้ว่าตอนนั้นจะไม่ใช่ข่าวใหญ่ แต่ในปัจจุบัน เคสการเสียชีวิต 3 ราย ดังกล่าว ได้ถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
ได้มีการตั้งคำถามว่าโรคประหลาดดังกล่าวมีต้นต่อมาจากการวิจัยของสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่นหรือไม่ และการที่รัฐบาลจีนพยายามป้องกันไม่ให้เข้าถึงพื้นที่ดังกล่าว ยิ่งทำให้ข่าวลือหนาหูยิ่งขึ้น
ด้วยความที่อู่ฮั่นเป็นหนึ่งในเมืองแห่งศูนย์วิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่มีความก้าวหน้าระดับต้น ๆ ของโลก และเป็นเมืองแรกที่มีการแพร่ระบาดของโรค Covid 19 จึงนำไปสู่การนำข้อสงสัยต่าง ๆ มาเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน
ข่าวลือพุ่งเป้าโจมตีว่า โควิด 19 หลุดออกมาจากสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น ซึ่งสร้างความไม่พอใจแก่ ศาสตราจารย์สือ เจิ้งหลี่ กับรัฐบาลจีนเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาออกมายืนกรานปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริง
แต่ล่าสุด หลังจากตกเป็นข่าวลือและทฤษฎีสมคบคิดอยู่เป็นปี ในที่สุดทาง ศาสตราจารย์สือ เจิ้งหลี่ ก็ได้ออกมาเผยว่า ยินดีเปิดพื้นที่สถาบันวิจัยไวรัสวิทยาอู่ฮั่น ให้ทีมนักวิทยาศาสตร์จาก WHO เดินทางเข้าตรวจสอบในเดือนมกราคม 2564 เพื่อหาต้นตอของโรคระบาด
ขณะที่ศาสตราจารย์สือ เจิ้งหลี่ เปิดเผยกับบีบีซี ว่า ได้เคยพูดคุยกับทางองค์การอนามัยโลกมาแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งตนเองยืนยันความบริสุทธิ์ไปแล้ว และแสดงเจตจำนงอย่างชัดเจนว่ายินดีต้อนรับทีมเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาสืบสวน ส่วนแผนการว่าจะทำอย่างไรนั้น ไม่ได้อยู่ในการตัดสินใจของตน
อย่างไรก็ตาม ต่อมาทางสำนักข่าวบีบีซี กลับได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ของสถาบันวิจัยไวรัสวิทยาอู่ฮั่น อ้างว่า คำพูดของศาสตราจารย์สือ เจิ้งหลี่ ที่ยินดีให้ทีมขององค์การอนามัยโลกเข้าตรวจสอบ เป็นการพูดโดยส่วนตัวของเธอเท่านั้น โดยที่ยังไม่ได้ผ่านการอนุมัติจากทางสถาบัน