จตุพร เผยสาเหตุยุบ นปช. แกนนำล้วนเจ็บหนักเพราะยื้อมานาน พร้อมระบุ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม สุดซอย เหมือนรักแท้ในคืนหลอกลวง จ่อฟ้องคนกล่าวหาเข้าร่วมเผด็จการ หลังจากนี้เป็นภารกิจของคนรุ่นใหม่
ภาพจาก Peace News
ภาพจาก Peace News
วันที่ 29 ธันวาคม 2563 Peace News รายงานว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เปิดเผยถึงเหตุผลการยุบ นปช. ว่า ถ้าองค์กรยังอยู่ ก็ยิ่งจะเป็นปัญหาการเมือง และไม่เป็นประโยชน์ต่อการเคลื่อนไหวอันใด ดังนั้น จึงไม่ควรแบกความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ไว้อีกต่อไป เพราะการต่อสู้ของประชาชนแต่ละยุคสมัย ล้วนยุติบทบาทลงหลังจากเสร็จสิ้นการต่อสู้ อีกทั้งแกนนำต่อสู้จะมีบทบาทเพียงในสมรภูมิเดียว ไม่ปรากฏไปต่อสู้ในสมรภูมิอื่น
ความจริง นปช. ควรยุติบทบาทชัดเจนตั้งแต่หลังเหตุการณ์ ปี 2553 เพราะความตื่นตัวของคนเสื้อแดง และพรรคเพื่อไทยอยู่ในช่วงที่ต่ำสุด แต่ระหว่างนั้น นปช.ยังต้องอยู่เพื่อทวงความยุติธรรมให้กับคนตาย อีกทั้งหลังเลือกตั้งปี 54 ได้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แล้ว ควรต้องยุติบทบาท แต่ต้องทำภารกิจปกป้องประชาธิปไตยจึงไม่สามารถยุบได้
กระทั่งนำไปสู่รักแท้ในคืนหลอกลวง กรณี พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย รวมทั้งการวางแผนให้ตนถูกตัดสิทธิ์ในวันที่ 18 พฤษภาคม 2555 และในวันที่ 19 พฤษภาคม 2555 ก็นัดชุมนุมครบรอบ 2 ปี เพื่อต้องการให้กระทำการบางอย่าง ซึ่งเป็นการหลอกลวงชนิดรุนแรงที่สุด
ความจริง นปช. ควรยุติบทบาทชัดเจนตั้งแต่หลังเหตุการณ์ ปี 2553 เพราะความตื่นตัวของคนเสื้อแดง และพรรคเพื่อไทยอยู่ในช่วงที่ต่ำสุด แต่ระหว่างนั้น นปช.ยังต้องอยู่เพื่อทวงความยุติธรรมให้กับคนตาย อีกทั้งหลังเลือกตั้งปี 54 ได้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แล้ว ควรต้องยุติบทบาท แต่ต้องทำภารกิจปกป้องประชาธิปไตยจึงไม่สามารถยุบได้
กระทั่งนำไปสู่รักแท้ในคืนหลอกลวง กรณี พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย รวมทั้งการวางแผนให้ตนถูกตัดสิทธิ์ในวันที่ 18 พฤษภาคม 2555 และในวันที่ 19 พฤษภาคม 2555 ก็นัดชุมนุมครบรอบ 2 ปี เพื่อต้องการให้กระทำการบางอย่าง ซึ่งเป็นการหลอกลวงชนิดรุนแรงที่สุด
นายจตุพร ระบุอีกว่า สาเหตุที่เล่าเรื่องนี้ เพราะต้องการสื่อว่า คนเสื้อแดงไม่ได้อยู่ในช่วงแข็งแรงเหมือนปี 2553 อีกทั้งในปี 2557 ตนถอยมาแล้วจากการเจ็บปวดกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย ซึ่งจะพาให้ขบวนการประชาธิปไตยแพ้ราบคาบ พร้อมกับยัดการกล่าวหาที่รุนแรงให้ จากนั้น ตนถูกตามให้มาต่อสู้อีกครั้งหนึ่ง ตนก็มาเพราะเห็นว่า ประชาธิปไตยกำลังสูญเสีย ที่ผ่านมามีหลายช่วงเวลาที่ต้องยุติบทบาท รวมทั้งขณะนี้ แกนนำส่วนใหญ่เป็นผู้ต้องหาหมด จึงสมควรต้องยุติบทบาทองค์กร นปช.
นายจตุพร กล่าวว่า แม้ตนพยายามอธิบายแล้วแต่ไม่มีใครฟัง สาเหตุที่ทำไม่ได้เพราะไม่มีความพร้อม เนื่องจากเมื่อขยับจะถูกถอนประกันทันที จึงไม่มีโอกาสเป็นคำรบสองอีก ส่วนคดีแพ่ง ก็จะถูกบังคับคดีเช่นกัน ตนจึงเห็นว่าการดำรงอยู่ต่อไปคงไม่เป็นประโยชน์ เพราะสถานการณ์เปลี่ยน คนเสื้อแดงกระจัดกระจายไปสู่พรรคการเมืองอื่น ๆ ตั้งแต่เลือกตั้งที่ผ่านมา ดังนั้น ยิ่งอยู่จึงยิ่งจะเป็นปัญหาการเมือง และไม่เป็นประโยชน์ต่อการเคลื่อนไหวอันใด
นายจตุพร กล่าวว่า แม้ตนพยายามอธิบายแล้วแต่ไม่มีใครฟัง สาเหตุที่ทำไม่ได้เพราะไม่มีความพร้อม เนื่องจากเมื่อขยับจะถูกถอนประกันทันที จึงไม่มีโอกาสเป็นคำรบสองอีก ส่วนคดีแพ่ง ก็จะถูกบังคับคดีเช่นกัน ตนจึงเห็นว่าการดำรงอยู่ต่อไปคงไม่เป็นประโยชน์ เพราะสถานการณ์เปลี่ยน คนเสื้อแดงกระจัดกระจายไปสู่พรรคการเมืองอื่น ๆ ตั้งแต่เลือกตั้งที่ผ่านมา ดังนั้น ยิ่งอยู่จึงยิ่งจะเป็นปัญหาการเมือง และไม่เป็นประโยชน์ต่อการเคลื่อนไหวอันใด
เมื่อเดินมาถึงจุดหนึ่ง จึงถึงเวลาแล้วต้องยุติบทบาท แล้วกลับไปใช้ตัวตนของแต่ละบุคคลที่มีศักยภาพกัน ที่สำคัญคือ การยุบ นปช. ไม่ได้หมายความว่า จะอยู่กับเผด็จการ ซึ่งตนได้เตรียมดำเนินคดีทั้งแพ่งและอาญา กับคนที่กล่าวหาตนเองว่าจะเข้าร่วมกับเผด็จการ พวกกล่าวหาต้องพิสูจน์ให้ได้ด้วยว่า ตนไปร่วมกับเผด็จการอย่างไร อีกอย่างตนไม่หวั่นไหวในการฟ้อง ถึงจะเป็นร้อยคนหรือพันคนก็ตาม แต่จะมาทำลายเกียรติภูมินักประชาธิปไตยของตนไม่ได้
ในการต่อสู้กับเผด็จการทหาร ไม่จำเป็นต้องใช้ความเป็น นปช. ต้องหลอมรวมความสามัคคีทุกฝ่ายในการต่อสู้ ดังนั้น ตนเชื่อว่า ไม่มีเหตุผลในการยื้อต่อไป และปล่อยให้เป็นตำนานการต่อสู้ที่มีคนตายเป็นประวัติศาสตร์ ซึ่งหลังจากนี้คงต้องให้เป็นหน้าที่ของคนรุ่นหลังในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
ในการต่อสู้กับเผด็จการทหาร ไม่จำเป็นต้องใช้ความเป็น นปช. ต้องหลอมรวมความสามัคคีทุกฝ่ายในการต่อสู้ ดังนั้น ตนเชื่อว่า ไม่มีเหตุผลในการยื้อต่อไป และปล่อยให้เป็นตำนานการต่อสู้ที่มีคนตายเป็นประวัติศาสตร์ ซึ่งหลังจากนี้คงต้องให้เป็นหน้าที่ของคนรุ่นหลังในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
ขอบคุณข้อมูลจาก Peace News