หมอแชร์ภาพเอกซเรย์ ผู้ป่วยโควิด 19 ปอดเสียหายรุนแรงยิ่งกว่าปอดคนสูบบุหรี่จัด โรคนี้น่ากลัวกว่าที่คิด
เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2564 เว็บไซต์บอร์แพนด้า รายงานว่า ดร.บริททานี แบงค์เฮด-เคนดัล ศัลยแพทย์หญิงชาวอเมริกัน ได้เผยแพร่ภาพเปรียบเทียบระหว่าง ปอดของคนปกติกับผู้สูบบุหรี่เป็นประจำ และผู้ป่วยโควิด 19 ซึ่งเผยให้เห็นผลลัพธ์ที่น่าตกใจ และเป็นการแสดงให้เห็นว่าเชื้อโคโรนาไวรัสนั้นน่ากลัวกว่าที่คิด
หมอบริททานี เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ ที่ศูนย์การแพทย์และวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเทกซัสเทคโนโลยี รัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา เธอได้โพสต์ทวิตเตอร์เล่าว่า ผู้ป่วยที่หายจากโรค Covid 19 มีปอดที่อยู่ในสภาพย่ำแย่มาก เลวร้ายยิ่งกว่าเคสผู้ป่วยสูบบุหรี่จัดที่หนักที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมา
คุณหมอหญิงยังได้โพสต์ภาพเอกซเรย์ 3 ภาพ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน
ภาพแรกเป็นภาพเอกซเรย์ปอดคนปกติ ซึ่งมีพื้นที่สีดำจำนวนมาก แสดงให้เห็นปอดอยู่ในสภาพดี มีพื้นที่อากาศมาก ต่อมาภาพที่สอง เป็นภาพปอดของผู้สูบบุหรี่ ซึ่งทึบแสง บ่งชี้ว่าอยู่ในสภาวะเสี่ยงอันตราย เนื่องจากมีรอยแผลหลายจุดและมีอาการสูญเสียเนื้อปอด
ภาพสุดท้าย เป็นภาพปอดของผู้ป่วยโรคโควิด 19 ที่หายแล้ว แต่ปอดไม่ได้หายเป็นปกติตามไปด้วย โดยภาพเผยให้เห็นว่าปอดทั้งสองข้างเป็นสีขาวเกือบทั้งหมด แสดงให้เห็นว่าปอดได้รับความเสียหายรุนแรงมาก
"ผู้ที่ผลตรวจเชื้อไวรัสโคโรนาเป็นบวกกับผู้ป่วยที่หายแล้ว จะต้องพบเจอกับปัญหาที่ตามมา แม้ว่าตอนนี้จะไม่แสดงอาการใด ๆ พวกเขาอาจพูดได้ว่า สบายดี ไม่เห็นเป็นอะไรเลย แต่พอเอกซเรย์ปอดปุ๊บ เห็นความจริงเลยว่าปอดพังไม่เหลือแล้วค่ะ พวกเขาอาจจะยังรู้สึกสบายดีในตอนนี้ แต่จะไม่รู้สึกสบายดีในตอนหลังแน่นอน" หมอบริททานี กล่าวกับ CBS News
แพทย์หญิง กล่าวอีกว่า แม้แต่ผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการป่วยใด ๆ ก็สามารถประสบภาวะปอดเสียหายรุนแรงได้เช่นกัน โดยจากสถิติพบว่า 70-80 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ป่วย Covid-19 ที่ไม่แสดงอาการใด ๆ ต่างมีผลเอกซเรย์ที่เผยให้เห็นว่าปอดอยู่ในสภาพเสียหาย
ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่หายแล้ว ส่วนใหญ่มักจะมีอาการหายใจลำบาก ดังนั้น จึงควรพบแพทย์เพื่อติดตามอาการเป็นระยะ และการฉีดวัคซีนเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
"มันไม่มีวัคซีนใด ๆ ที่มีผลกระทบระยะยาว ที่เลวร้ายเท่ากับผลกระทบระยะยาวของโรคโควิด 19 แล้วค่ะ" หมอบริททานี กล่าว
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID 19 << ได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก Bored Panda
