โจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ เข้าทำเนียบ ประเดิมงานวันแรก ลงนาม 17 คำสั่ง - ยกเลิกนโยบายของผู้นำคนเก่า โดนัลด์ ทรัมป์
วันที่ 20 มกราคม 2564 ภายหลังจากเสร็จสิ้นพิธีสาบานตน เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐอเมริกา อย่างเป็นทางการ โจ ไบเดน ได้ประเดิมงานวันแรก เข้านั่งโต๊ะในห้องทำงานรูปไข่ ห้องทำงานอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดี ในตึกทำเนียบขาว พร้อมทั้งเริ่มภารกิจผู้นำ โดยการลงนามในคำสั่งประธานาธิบดี (Executive order) รวม 17 ฉบับ ซึ่งมีหลายฉบับที่ยกเลิก รื้อถอน และเปลี่ยนแปลงนโยบายของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์
![โจ ไบเดน]( "โจ ไบเดน")
โดยสรุปรายละเอียดได้ ดังนี้
1. เปิดตัวนโยบายสำคัญ "100 Days Masking Challenge" - ให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยอย่างเคร่งครัด และรักษาระยะห่างทางสังคม โดยเฉพาะในสถานที่ของรัฐบาลหมด
2. จัดตั้งตำแหน่งประสานงาน COVID-19 - รับผิดชอบในการประสานงานในทุกด้านเกี่ยวกับการรับมือ COVID-19 กับทางรัฐบาล ซึ่งรวมถึงวัคซีนและการตรวจเชื้อ
3. ขยายระยะเวลาการพักชำระหนี้ และการยึดคืนสังหาริมทรัพย์สำหรับการจำนองที่ค้ำประกันโดยรัฐบาลกลาง ไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564
4. ยืดระยะเวลาการพักชำระหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษาของรัฐบาลกลางโดยตรง ออกไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2564
5. รักษาโครงการ DACA (Deferred Action for Childhood Arrivals) - ซึ่งทรัมป์พยายามที่จะยกเลิก เป็นโครงการคุ้มครองเยาวชนวัยรุ่น ซึ่งเป็นลูกหลานของผู้อพยพที่เดินทางเข้ามาตั้งถิ่นฐานในสหรัฐฯ ให้มีสิทธิศึกษา ทำงาน และอาศัยอยู่ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
6. ขยายกำหนดข้อบังคับผู้ลี้ภัย สำหรับชาวไลบีเรียในสหรัฐอเมริกา - โดยเลื่อนไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2565 รวมทั้งขยายการอนุญาตการทำงานและการอาศัยในประเทศ
7. ห้ามการเลือกปฏิบัติในสถานที่ทำงาน โดยพิจารณาจากรสนิยมทางเพศ หรืออัตลักษณ์ทางเพศ - เพื่อเพื่อปกป้องสิทธิส่วนบุคคลของ LGBTQ+
8. สั่งให้ผู้แต่งตั้งลงนามปฏิญาณตน - กำหนดให้ผู้ได้รับการแต่งตั้งทั้งหมดทีมบริหารของรัฐบาล ต้องลงนามในคำมั่นสัญญาด้านจริยธรรม เพื่อฟื้นฟูและรักษาความไว้วางใจของสาธารณชนในรัฐบาล
เปลี่ยนแปลงของทรัมป์
9. ปรับปรุง พัฒนา และทบทวนกฎระเบียบ- สั่งให้สำนักบริหารและงบประมาณ ซึ่งขึ้นตรงต่อประธานาธิบดี ยกเลิก "อุปสรรคที่ไม่จำเป็น" ที่กำหนดโดยทีมบริหารรัฐบาลของทรัมป์
ยกเลิกของทรัมป์
10. กลับไปเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก (WHO) - ภายหลังจากถอนชื่อสหรัฐฯ ออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยอ้างเรื่องการจัดการโควิด 19 ที่ขาดประสิทธิภาพ และมีท่าทีเข้าข้างประเทศจีน
11. กลับเข้าร่วมข้อตกลงปารีสอีกครั้ง - ของเพื่่อบรรลุวัตถุประสงค์ของสนธิสัญญา เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จากความร่วมมือของนานาชาติ
12. เพิกถอนใบอนุญาตท่อน้ำมัน Keystone XL รวมถึงการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ - เพื่อจัดการกับวิกฤตสภาพอากาศ สร้างแรงงานที่ดีในสหภาพ และพัฒนาความยุติธรรมด้านสิ่งแวดล้อม จากนโยบายที่เป็นอันตรายของฝ่ายบริหารของทรัมป์ก่อนหน้านี้
13. ยกเลิกคณะ 1776 Commission - ซึ่งเป็นคณะทำงานที่ก่อตั้งขึ้นในรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดี เมื่อปี 2563 เพื่อสนับสนุนการศึกษาในมุมมองด้านชาตินิยม และกำหนดนโยบายของรัฐบาลกลางใหม่ เพื่อกำจัดการเหยียดเชื้อชาติในระบบ และเพิ่มความเท่าเทียมทางเชื้อชาติสำหรับทุกคน
14. ให้สิทธิ์บุคคลที่ไม่ใช่พลเมืองในการจัดสรรสำมะโนประชากรสำหรับผู้แทนรัฐสภา - หลังฝ่ายบริหารทรัมป์กำหนดแผนกีดกันผู้ที่ไม่ใช่พลเมือง ออกจากการสำรวจสำมะโนประชากรและการแบ่งสัดส่วน
15. ยกเลิกการห้ามชาติมุสลิมเข้าสหรัฐฯ
16. กำหนดนโยบายบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับคนเข้าเมือง - หลังจากรัฐบาลก่อน บังคับใช้นโนบายผู้อพยพที่รุนแรงและเข้มงวด
17. ยุติการก่อสร้างกำแพงชายแดน - ไบเดน ประกาศยุติการประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ ภายหลังจากทรัมป์ใช้เพื่อเอื้อในการให้ทุนก่อสร้างกำแพงชายแดน และสั่งให้หยุดการก่อสร้างทันที
ขอบคุณข้อมูลจาก cnbc, tennessean
ภาพจาก Jim WATSON / AFP
โดยสรุปรายละเอียดได้ ดังนี้
1. เปิดตัวนโยบายสำคัญ "100 Days Masking Challenge" - ให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยอย่างเคร่งครัด และรักษาระยะห่างทางสังคม โดยเฉพาะในสถานที่ของรัฐบาลหมด
2. จัดตั้งตำแหน่งประสานงาน COVID-19 - รับผิดชอบในการประสานงานในทุกด้านเกี่ยวกับการรับมือ COVID-19 กับทางรัฐบาล ซึ่งรวมถึงวัคซีนและการตรวจเชื้อ
3. ขยายระยะเวลาการพักชำระหนี้ และการยึดคืนสังหาริมทรัพย์สำหรับการจำนองที่ค้ำประกันโดยรัฐบาลกลาง ไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564
4. ยืดระยะเวลาการพักชำระหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษาของรัฐบาลกลางโดยตรง ออกไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2564
5. รักษาโครงการ DACA (Deferred Action for Childhood Arrivals) - ซึ่งทรัมป์พยายามที่จะยกเลิก เป็นโครงการคุ้มครองเยาวชนวัยรุ่น ซึ่งเป็นลูกหลานของผู้อพยพที่เดินทางเข้ามาตั้งถิ่นฐานในสหรัฐฯ ให้มีสิทธิศึกษา ทำงาน และอาศัยอยู่ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
6. ขยายกำหนดข้อบังคับผู้ลี้ภัย สำหรับชาวไลบีเรียในสหรัฐอเมริกา - โดยเลื่อนไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2565 รวมทั้งขยายการอนุญาตการทำงานและการอาศัยในประเทศ
7. ห้ามการเลือกปฏิบัติในสถานที่ทำงาน โดยพิจารณาจากรสนิยมทางเพศ หรืออัตลักษณ์ทางเพศ - เพื่อเพื่อปกป้องสิทธิส่วนบุคคลของ LGBTQ+
8. สั่งให้ผู้แต่งตั้งลงนามปฏิญาณตน - กำหนดให้ผู้ได้รับการแต่งตั้งทั้งหมดทีมบริหารของรัฐบาล ต้องลงนามในคำมั่นสัญญาด้านจริยธรรม เพื่อฟื้นฟูและรักษาความไว้วางใจของสาธารณชนในรัฐบาล
เปลี่ยนแปลงของทรัมป์
9. ปรับปรุง พัฒนา และทบทวนกฎระเบียบ- สั่งให้สำนักบริหารและงบประมาณ ซึ่งขึ้นตรงต่อประธานาธิบดี ยกเลิก "อุปสรรคที่ไม่จำเป็น" ที่กำหนดโดยทีมบริหารรัฐบาลของทรัมป์
ยกเลิกของทรัมป์
10. กลับไปเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก (WHO) - ภายหลังจากถอนชื่อสหรัฐฯ ออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยอ้างเรื่องการจัดการโควิด 19 ที่ขาดประสิทธิภาพ และมีท่าทีเข้าข้างประเทศจีน
11. กลับเข้าร่วมข้อตกลงปารีสอีกครั้ง - ของเพื่่อบรรลุวัตถุประสงค์ของสนธิสัญญา เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จากความร่วมมือของนานาชาติ
12. เพิกถอนใบอนุญาตท่อน้ำมัน Keystone XL รวมถึงการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ - เพื่อจัดการกับวิกฤตสภาพอากาศ สร้างแรงงานที่ดีในสหภาพ และพัฒนาความยุติธรรมด้านสิ่งแวดล้อม จากนโยบายที่เป็นอันตรายของฝ่ายบริหารของทรัมป์ก่อนหน้านี้
13. ยกเลิกคณะ 1776 Commission - ซึ่งเป็นคณะทำงานที่ก่อตั้งขึ้นในรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดี เมื่อปี 2563 เพื่อสนับสนุนการศึกษาในมุมมองด้านชาตินิยม และกำหนดนโยบายของรัฐบาลกลางใหม่ เพื่อกำจัดการเหยียดเชื้อชาติในระบบ และเพิ่มความเท่าเทียมทางเชื้อชาติสำหรับทุกคน
14. ให้สิทธิ์บุคคลที่ไม่ใช่พลเมืองในการจัดสรรสำมะโนประชากรสำหรับผู้แทนรัฐสภา - หลังฝ่ายบริหารทรัมป์กำหนดแผนกีดกันผู้ที่ไม่ใช่พลเมือง ออกจากการสำรวจสำมะโนประชากรและการแบ่งสัดส่วน
15. ยกเลิกการห้ามชาติมุสลิมเข้าสหรัฐฯ
16. กำหนดนโยบายบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับคนเข้าเมือง - หลังจากรัฐบาลก่อน บังคับใช้นโนบายผู้อพยพที่รุนแรงและเข้มงวด
17. ยุติการก่อสร้างกำแพงชายแดน - ไบเดน ประกาศยุติการประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ ภายหลังจากทรัมป์ใช้เพื่อเอื้อในการให้ทุนก่อสร้างกำแพงชายแดน และสั่งให้หยุดการก่อสร้างทันที
