เจ้าของรถท้อ เอารถเข้าอู่ อู่เอาไปขับชนคนตาย ซ้ำวิญญาณตามถึงบ้าน

 

             เจ้าของรถเดือด เอารถไปซ่อมนาน 3 เดือนไม่เสร็จสักที เจอเจ้าของอู่เอารถไปใช้ แถมไปขับชนคนตาย ทำรถพังยับ ซ้ำ ไม่รับผิดชอบ หนีเข้ากลีบเมฆ ทำผวาหวั่นวิญญาณอาฆาด

                 วันที่ 30 มกราคม 2564  เรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 รายงานว่า น.ส.ภานุชนาฏ ทิพย์กระโทก อายุ 26 ปี เจ้าของรถคันหนึ่ง ได้นำรถยนต์ไปซ่อมที่อู่แห่งหนึ่งย่านแพรกษา จ.สมุทรปราการ นานกว่า 3 เดือน ราคา 9,000 บาท แต่ก็ยังไม่เสร็จ แถมยังทราบข่าวว่าเจ้าของอู่นำรถของตนไปขับจนเกิดอุบัติเหตุ ถูกรถจักรยานยนต์พุ่งชนกลางประตู จนคนขี่รถจักรยานยนต์เสียชีวิต ส่วนของเจ้าอู่ปัดความรับผิดชอบ

                 น.ส.ภานุชนาฏ กล่าวว่า ตนนำรถไปทำสีช่วงเดือนตุลาคม 2563 โดยนายตั้ม เจ้าของอู่ กำหนดส่งรถเดือนธันวาคม 2563 แต่งานออกมาไม่เรียบร้อย ตนจึงส่งกลับไปแก้ไข โดยนายตั้ม รับปากว่าจะแก้ไขและกำหนดส่ง 10 มกราคม 2564 งานก็ยังไม่เรียบร้อย ตนจึงยังไม่รับรถกลับ

                 น.ส.ภานุชนาฏ เล่าอีกว่า หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เรียกไปสอบปากคำ ให้ตนเจรจากับนายตั้ม จนได้ข้อสรุปว่าตนจะไม่นำรถไปซ่อมกับอู่ของนายตั้ม จะเลือกอู่ใหม่เอง ส่วนค่าใช้จ่ายนายตั้มต้องรับผิดชอบทั้งหมด หลังจากตนนำรถไปที่อู่ใหม่ โดยทางอู่ตีราคาทำสีและซ่อมตัวถังทั้งหมดกว่า 50,000 บาท เนื่องจากรถเสียหายมาก แต่นายตั้มทักท้วงว่าทำไมต้องซ่อมทั้งคัน ซึ่งตนก็ไม่ยอม เพราะครั้งแรกตนให้รถนายตั้ม ไปซ่อมทั้งคัน แต่งานไม่สำเร็จซ้ำยังเกิดเรื่องจนเสียหายมากกว่าเดิม นายตั้มจึงยอมจ่ายค่ามัดจำก่อน 20,000 บาท หลังจากนั้นกลับหายเงียบไป ตนกังวลไม่รู้จะทำอย่างไร ใจตนอยากขายรถให้นายตั้มเพื่อตัดปัญหา แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมซื้อ และตนไม่กล้าขับรถคันดังกล่าวแล้ว เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุมีผู้เสียชีวิต

                 น.ส.ภานุชนาฏ บอกว่า หลังจากเกิดเหตุรู้สึกเหมือนเห็นผู้ตายมายืนที่หน้าบ้านจนสุนัขเห่าหอน ตนต้องบอกว่าไม่มีเจตนา แม้ว่าจะเป็นรถของตนก็ตาม ขอให้อโหสิกรรมให้กันสุนัขจึงหยุดหอน สิ่งที่ทำให้ตนกังวลและหลอนตามมาอีกคือ มีคนเห็นผู้ตายยืนอยู่กับรถจักรยานยนต์คันที่เกิดเหตุที่จอดไว้ในอู่ด้วย และตนได้โทร. ไปคุยกับเพื่อนของผู้ตาย และได้ทราบว่าผู้ตายเผาไม่ไหม้ในครั้งแรก จนสัปเหร่อต้องเผาเป็นรอบที่สอง จึงคิดว่าวิญญาณของผู้ตายน่าจะยังไม่ไปไหน

                 อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ทางนายตั้มออกมารับผิดชอบ หรืออยากปรึกษาทนายความที่เชี่ยวชาญเรื่องคดีลักษณะนี้มาช่วยหรือให้คำปรึกษา ในการที่จะเรียกร้องค่าซ่อมรถ เพราะส่วนตัวแล้วไม่รู้จะไปปรึกษาใคร และเงิน 50,000 บาท ค่าซ่อมรถก็เป็นเงินจำนวนไม่น้อย
                 ด้านนายจักรินทร์ ศรีพัชรานุกุล 40 ปี เจ้าของอู่ที่รับรถของผู้เสียหายมาซ่อมต่อ กล่าวว่า ระหว่างที่ ตั้งแต่รับรถของผู้เสียหายมาจอดซ่อมก็เจออะไรแปลก ๆ ทั้งที่ยังเป็นเวลากลางวันแสก ๆ เช่น อยู่ ๆ ไฟท้ายเบรกท้ายรถก็ติดเอง โดยที่ไม่มีใครอยู่ในรถ ทำให้ลูกน้องต่างพากันกลัวไม่กล้านอนที่อู่ ตนเชื่อว่าน่าจะเป็นเรื่องลี้ลับ และเหตุการณ์ลักษณะนี้เพิ่งเคยเกิดเป็นครั้งแรก แม้จะเคยรับรถประสบอุบัติเหตุมาซ้อมแล้วหลายคัน ก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นแต่อย่างใด ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พบเห็น



ขอบคุณข้อมูลจาก  เรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3