เปิดปมมหากาพย์ลวงโลก หญิงหลอกรับเงินบริจาค อ้างป่วยมะเร็งรังไข่ใกล้ตาย คนเห็นใจแห่โอนให้เป็นล้าน สุดท้ายเอาไปเที่ยวหรู ใช้หนี้ เล่นพนัน ลั้ลลาได้ไม่กี่เดือนก่อนถูกจับ
ภาพจาก Kent Police
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 สำนักข่าวบีบีซี และ เดลี่เมล รายงานว่า นิโคล เอลคับบาส หญิงอังกฤษวัย 42 ปี จากมณฑลเคนต์ ของอังกฤษ เพิ่งถูกศาลพิพากษาให้จำคุกนาน 2 ปี 9 เดือน จากความผิดข้อหาฉ้อโกงและครอบครองทรัพย์สินโดยมิชอบ หลังจากที่เธอสร้างแคมเปญรับบริจาคเงินบนโลกออนไลน์ หลอกว่าตัวเองป่วยเป็นโรคมะเร็งรังไข่และจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดในประเทศสเปน ทำให้มีผู้ใจดีหลงเชื่อโอนเงินบริจาคให้กว่า 45,000 ปอนด์ หรือกว่า 1.8 ล้านบาท
หลอกใช้ประโยชน์จากความใจบุญ
ย้อนกลับไปในปี 2561 นิโคล เอลคับบาส ได้ตั้งแคมเปญรับบริจาคเงินผ่านเว็บไซต์ GoFundMe พร้อมโพสต์ภาพขณะที่เธอกำลังนอนป่วยอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล อ้างว่าตัวเองป่วยเป็นโรคมะเร็งรังไข่ ทั้งยังบรรยายถึงความทุกข์ทรมานจากการผ่าตัดถึง 3 ครั้ง และการเข้ารับเคมีบำบัดถึง 6 รอบ ชี้ว่าการรักษาที่ผ่านมาทำให้เธอแทบไม่มีเงินมาจ่ายค่ายาที่จำเป็น ทั้งที่นั่นเป็นหนทางเดียวที่จะอยู่รอด
เพจระดมทุนของนิโคลเรียกความสงสารและเห็นใจจากผู้คนจำนวนมาก โดยพบว่ามีหลายร้อยคนที่หลงเชื่อและโอนเงินบริจาคแก่เธอ ในขณะที่นิโคลยังคงเข้ามาอัปเดตความคืบหน้าเกี่ยวกับการรักษา (ปลอม ๆ) และยังบอกเล่าเรื่องเกี่ยวกับลูกชายที่ยังเล็กของเธอ ทำให้ผู้คนยิ่งสงสาร
ความจริงเบื้องหลังการหลอกลวง
ในขณะที่นิโคลมีภาพลักษณ์เป็นคุณแม่ที่น่าสงสารบนโลกออนไลน์ แต่ในความเป็นจริงแล้วเธอคือผีพนันที่มีหนี้สินท่วมหัว หลังผลาญเงินกว่า 60,000 ปอนด์ หรือกว่า 2.4 ล้านบาท หมดไปภายในปีเดียว
เพื่อที่จะหลอกลวงผู้คน เธอได้นำภาพถ่ายขณะที่ตัวเองเคยรักษาโรคนิ่วในถุงน้ำดีเมื่อหลายเดือนก่อน มาสร้างเพจระดมทุนปลอม ๆ ก่อนจะโอนเงินก้อนจำนวนมหาศาลออกจากบัญชีรับบริจาคเข้ามายังบัญชีส่วนตัว นำเงินเหล่านั้นไปใช้หนี้ และปรนเปรอไลฟ์สไตล์สุดหรู เดินทางไปกินช้อปใช้ที่อิตาลีและสเปน
แน่นอนว่าเธอยังใช้เงินก้อนนั้นมาตอบสนองตัณหาในการเล่นพนันของตัวเอง แต่ความลับไม่มีในโลก แคมเปญหลอกลวงของเธอเรียกความสงสารจากคนได้ไม่ถึงปี ก็มีคนออกมาเปิดโปงจนได้
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกบข้อมูล
รายงานเผยว่า นิโคลสามารถหลอกเอาเงินบริจาคได้มากร่วม 45,000 ปอนด์ ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ - สิงหาคม 2561 อย่างไรก็ตาม จุดจบของเธอมาถึงเมื่อแพทย์รายหนึ่งที่เคยให้การรักษาแก่เธอ และมั่นใจว่าตัวเของเธอนั้นไม่โรคใด ๆ แล้ว ได้เห็นเพจระดมทุนของเธอเข้าโดยบังเอิญ จึงเกิดความสงสัยขึ้น
ตำรวจเริ่มตรวจสอบพฤติกรรมและการระดมทุนดังกล่าวภายในปีเดียวกันนั้น กระทั่งนำมาสู่การจับกุม โดยพบว่านิโคลเพิ่งจะบินไปลั้ลลาที่ต่างแดน เพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนถูกจับ
อย่างไรก็ตามแม้จะถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการไต่สวน จนเจ้าหน้าที่ประจักษ์ในข้อเท็จจริงเรื่องการฉ้อฉลของเธอ แต่นิโคลก็ยังยืนกรานปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ศาลตัดสิน คุณแม่จอมลวงโลก
ในเดือนพฤศจิกายน 2563 คณะลูกขุนในศาลคราวน์คอร์ทที่แคนเทอร์บูรี่ ตัดสินให้นิโคลมีความผิดจริงฐานฉ้อโกงและครอบครองทรัพย์สินโดยมีชอบ จากการสร้างเรื่องหลอกลวงเงินบริจาคและการโอนเงินบริจาคเข้าบัญชีตัวเอง อย่างไรก็ตาม นิโคลยังคงปฏิเสธข้อหาอย่างหนักแน่น อ้างว่าเธอเชื่อจริง ๆ ว่าตัวเองป่วยมะเร็ง
กระทั่งวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 นิโคลได้ถูกนำตัวขึ้นศาลอีกครั้งเพื่อฟังคำพิจารณาคดี ซึ่งทางผู้พิพากษา มาร์ก วีเคส กล่าวว่าหญิงรายนี้ได้สร้างเรื่องหลอกลวงที่กินเวลานานและมีความซับซ้อนต่อผู้คนหลายร้อยชีวิต เพื่อให้ได้รับเงินจำนวนมากมาค้ำจุนพฤติกรรมการติดพนันของตัวเอง
เธอใช้เล่ห์เหลี่ยมในการหลอกลวง ซึ่งไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่ต้องถูกดึงตัวออกจากการปฏิบัติหน้าที่รับมือการระบาดโควิด 19 เพื่อนำหลักฐานมาให้เจ้าหน้าที่ แต่ยังทำลายความเชื่อใจของผู้คนจำนวนมากในสังคม
สิ่งที่เธอทำส่งผลกระทบต่อจิตใจอันดีงามของคนแปลกหน้าทั้งหลาย ทำให้พวกเขามีความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไปและบั่นทอนความไว้วางใจที่มีต่อผู้อื่น ทั้งที่ยังมีคนป่วยมะเร็งและคนที่จำเป็นต้องหาเงินไปรักษาญาติ ๆ ของพวกเขาอยู่อีกมาก กำลังเฝ้ารอความเมตตาจากผู้อื่นอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ คาดว่ามีคนที่หลงเชื่อและบริจาคเงินก้อนแก่นิโคลไม่ต่ำกว่า 600 คน ซึ่งท้ายที่สุดศาลก็ได้พิพากษาให้เธอรับโทษจำคุกนาน 2 ปี 9 เดือน
ขอบคุณข้อมูลจาก บีบีซี