โรงพยาบาลนครพิงค์ เผยเคสชวนสยอง หญิงวัย 43 มีอาการท้องอืด ท้องโต สุดท้ายตรวจเจอมะเร็งรังไข่ พบก้อนเนื้อขนาดใหญ่ น้ำหนัก 25 กิโลกรัม
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 เพจเฟซบุ๊ก โรงพยาบาลนครพิงค์ ได้มีการเปิดเผยเคสผ่าตัดมะเร็งรังไข่ ของหญิง อายุ 43 ปี ที่มีอาการท้องอืด และท้องโตขึ้นเรื่อย ๆ เป็นมานานประมาณ 5 - 6 เดือน ก่อนทำการตรวจร่างกาย ตอนแรกคลำดูพบก้อนที่ท้อง แต่เมื่ออัลตราซาวด์จึงทำให้พบว่าเป็นก้อนขนาดใหญ่ที่รังไข่ ซึ่งเบื้องต้นผ่าตัดเอาก้อนเนื้องอกดังกล่าวออกมาได้แล้ว ผู้ป่วยอาการปลอดภัย และจากการตรวจชิ้นเนื้อพบว่าคือมะเร็ง น้ำหนักประมาณ 25 กิโลกรัม
ทั้งนี้ พญ. อัญชลี ชัยนวล สูตินรีแพทย์ อนุสาขามะเร็งนรีเวช โรงพยาบาลนครพิงค์ ผู้ทำการผ่าตัด ให้ความรู้ว่า เนื้องอกรังไข่ คือภัยร้ายใกล้ตัวสำหรับผู้หญิง แบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ เนื้องอกรังไข่ธรรมดา (Benign ovarian tumor) และ มะเร็งรังไข่ (Ovarian Cancer) ซึ่งทั้ง 2 มีอาการคล้ายกัน แต่ความรุนแรงและการพยากรณ์โรคต่างกัน
โดยเนื้องอกรังไข่ธรรมดา รักษาให้หายได้ด้วยการผ่าตัด แต่สำหรับมะเร็งรังไข่นั้นหลังผ่าตัดอาจต้องมีการให้ยา จะพบได้ในผู้หญิงทุกช่วงวัย แต่จะพบได้มากในช่วงอายุ 40 - 60 ปี
- ผู้หญิงที่ไม่มีบุตร
- ผู้หญิงที่เคยเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูก และมะเร็งระบบทางเดินอาหาร
- มีประวัติญาติพี่น้องในครอบครัวเป็นมะเร็งรังไข่
- ผู้หญิงที่มีการตกไข่อย่างต่อเนื่องทุกเดือน ประจำเดือนมาถี่ หมดประจำเดือนหรือเป็นวัยทองช้า
อาการมะเร็งรังไข่
- อาจไม่มีอาการ แต่แพทย์ตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจหน้าท้อง หรือตรวจภายใน
- อาการอืดท้อง ปวดท้อง ท้องมีขนาดใหญ่ขึ้น อึดอัดแน่นในท้อง คลำได้ก้อนในท้อง เบื่ออาหาร
- คลื่นไส้อาเจียน กินอาหารได้น้อย น้ำหนักตัวลด
- อาจมีอาการขับถ่าย หรือปัสสาวะลำบาก หากก้อนเนื้องอกไปกดเบียด
การวินิจฉัยและการรักษามะเร็งรังไข่
- การตรวจหน้าท้อง หรือตรวจภายในคลำพบก้อนในบริเวณท้องน้อย
- การตรวจด้วยเครื่องความถี่สูง หรือการตรวจอัลตราซาวด์ ช่วยบอกได้ว่ามีก้อนในท้อง ในรายที่ ตรวจร่างกาย หรือตรวจภายในไม่พบ
- เมื่อตรวจพบก้อนที่รังไข่ จะทำการผ่าตัดเอาก้อนออก โดยการวินิจฉัยว่าเป็นเนื้องอกธรรมดา หรือมะเร็งรังไข่นั้นจะทราบได้จากการตรวจชิ้นเนื้อ โดยทราบหลังผ่าตัดประมาณ 1 - 2 สัปดาห์
- หากผลชิ้นเนื้อพบว่าเป็นมะเร็งรังไข่ หลังการผ่าตัดจะมีการให้ยาเคมีบำบัด ขึ้นกับระยะของโรคและชนิดของเนื้อเยื่อมะเร็ง และทำการตรวจติดตามใกล้ชิดต่อไป
การป้องกันและการตรวจคัดกรองมะเร็งรังไข่
- สังเกตอาการผิดปกติของตนเอง และปรึกษาแพทย์เมื่อพบอาการผิดปกติ
- ปัจจุบันมีการตรวจเลือดเพื่อหาค่ามะเร็งรังไข่ในเลือด เช่น ค่า CA-125 โดยการแปลผลต้องควบคู่กับการตรวจร่างกายและผลอัลตราซาวด์
- สำหรับผู้หญิงที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งรังไข่ จะมีการตรวจเลือดเพื่อหาสารพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งรังไข่และมะเร็งเต้านม (BRCA gene) ซึ่งปัจจุบันในประเทศไทยการตรวจยีนนี้ยังไม่แพร่หลาย เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูงและสามารถตรวจได้ในบางโรงพยาบาลเท่านั้น
- การกินยาเม็ดคุมกำเนิด มีรายงานว่าช่วยลดอุบัติการณ์การเกิดมะเร็งรังไข่ได้
- เนื่องจากมะเร็งรังไข่ในระยะแรก ๆ มักไม่มีอาการ และไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง การป้องกันจึงทำได้ยาก ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือ รับการตรวจภายในหรือตรวจด้วยคลื่นความถี่สูง โดยแพทย์อย่างน้อยปีละครั้ง
![มะเร็งรังไข่ มะเร็งรังไข่]()
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก โรงพยาบาลนครพิงค์
ทั้งนี้ พญ. อัญชลี ชัยนวล สูตินรีแพทย์ อนุสาขามะเร็งนรีเวช โรงพยาบาลนครพิงค์ ผู้ทำการผ่าตัด ให้ความรู้ว่า เนื้องอกรังไข่ คือภัยร้ายใกล้ตัวสำหรับผู้หญิง แบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ เนื้องอกรังไข่ธรรมดา (Benign ovarian tumor) และ มะเร็งรังไข่ (Ovarian Cancer) ซึ่งทั้ง 2 มีอาการคล้ายกัน แต่ความรุนแรงและการพยากรณ์โรคต่างกัน
โดยเนื้องอกรังไข่ธรรมดา รักษาให้หายได้ด้วยการผ่าตัด แต่สำหรับมะเร็งรังไข่นั้นหลังผ่าตัดอาจต้องมีการให้ยา จะพบได้ในผู้หญิงทุกช่วงวัย แต่จะพบได้มากในช่วงอายุ 40 - 60 ปี
ภาพจาก เฟซบุ๊ก โรงพยาบาลนครพิงค์
กลุ่มเสี่ยงมะเร็งรังไข่
- ผู้หญิงที่ไม่มีบุตร
- ผู้หญิงที่เคยเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูก และมะเร็งระบบทางเดินอาหาร
- มีประวัติญาติพี่น้องในครอบครัวเป็นมะเร็งรังไข่
- ผู้หญิงที่มีการตกไข่อย่างต่อเนื่องทุกเดือน ประจำเดือนมาถี่ หมดประจำเดือนหรือเป็นวัยทองช้า
อาการมะเร็งรังไข่
- อาจไม่มีอาการ แต่แพทย์ตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจหน้าท้อง หรือตรวจภายใน
- อาการอืดท้อง ปวดท้อง ท้องมีขนาดใหญ่ขึ้น อึดอัดแน่นในท้อง คลำได้ก้อนในท้อง เบื่ออาหาร
- คลื่นไส้อาเจียน กินอาหารได้น้อย น้ำหนักตัวลด
- อาจมีอาการขับถ่าย หรือปัสสาวะลำบาก หากก้อนเนื้องอกไปกดเบียด
การวินิจฉัยและการรักษามะเร็งรังไข่
- การตรวจหน้าท้อง หรือตรวจภายในคลำพบก้อนในบริเวณท้องน้อย
- การตรวจด้วยเครื่องความถี่สูง หรือการตรวจอัลตราซาวด์ ช่วยบอกได้ว่ามีก้อนในท้อง ในรายที่ ตรวจร่างกาย หรือตรวจภายในไม่พบ
- เมื่อตรวจพบก้อนที่รังไข่ จะทำการผ่าตัดเอาก้อนออก โดยการวินิจฉัยว่าเป็นเนื้องอกธรรมดา หรือมะเร็งรังไข่นั้นจะทราบได้จากการตรวจชิ้นเนื้อ โดยทราบหลังผ่าตัดประมาณ 1 - 2 สัปดาห์
- หากผลชิ้นเนื้อพบว่าเป็นมะเร็งรังไข่ หลังการผ่าตัดจะมีการให้ยาเคมีบำบัด ขึ้นกับระยะของโรคและชนิดของเนื้อเยื่อมะเร็ง และทำการตรวจติดตามใกล้ชิดต่อไป
การป้องกันและการตรวจคัดกรองมะเร็งรังไข่
- สังเกตอาการผิดปกติของตนเอง และปรึกษาแพทย์เมื่อพบอาการผิดปกติ
- ปัจจุบันมีการตรวจเลือดเพื่อหาค่ามะเร็งรังไข่ในเลือด เช่น ค่า CA-125 โดยการแปลผลต้องควบคู่กับการตรวจร่างกายและผลอัลตราซาวด์
- สำหรับผู้หญิงที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งรังไข่ จะมีการตรวจเลือดเพื่อหาสารพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งรังไข่และมะเร็งเต้านม (BRCA gene) ซึ่งปัจจุบันในประเทศไทยการตรวจยีนนี้ยังไม่แพร่หลาย เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูงและสามารถตรวจได้ในบางโรงพยาบาลเท่านั้น
- การกินยาเม็ดคุมกำเนิด มีรายงานว่าช่วยลดอุบัติการณ์การเกิดมะเร็งรังไข่ได้
- เนื่องจากมะเร็งรังไข่ในระยะแรก ๆ มักไม่มีอาการ และไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง การป้องกันจึงทำได้ยาก ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือ รับการตรวจภายในหรือตรวจด้วยคลื่นความถี่สูง โดยแพทย์อย่างน้อยปีละครั้ง

ภาพจาก เฟซบุ๊ก โรงพยาบาลนครพิงค์






