ป.ป.ท. ชี้มูล ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ปมเผาบ้านปู่คออี้ เจ้าตัวชี้ ทำงานไปตามหน้าที่ ป.ป.ท. ดูแค่งานจากกระดาษ ไม่เคยลงพื้นที่จริง พร้อมยืนยัน ถ้าตายก็ไม่เสียดาย ได้ป่าคืนมาเกือบ 5 แสนไร่
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 เรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปรามปราม หรือ ป.ป.ท. ได้ชี้มูลความผิดนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานฯ แก่งกระจาน กรณีที่นายชัยวัฒน์พร้อมพวก ได้เข้าไปเผาทำลายบ้านเรือนและยุ้งฉางของนายคออี้ มีมิ หรือปู่คออี้ ชาวกะเหรี่ยงแก่นกระจาน และของชาวบ้านเสียหาย รวมแล้วเสียหายกว่า 100 หลัง จากเหตุการณ์เมื่อกว่า 9 ปีที่แล้ว
จากนี้ ป.ป.ท. จะส่งสำนวนให้กับกรมอุทยานแห่งชาติฯ เพื่อดำเนินการทางวินัยกับนายชัยวัฒน์ และส่งสำนวนให้พนักงานอัยการเพื่อดำเนินคดีอาญาต่อไป
จากนี้ ป.ป.ท. จะส่งสำนวนให้กับกรมอุทยานแห่งชาติฯ เพื่อดำเนินการทางวินัยกับนายชัยวัฒน์ และส่งสำนวนให้พนักงานอัยการเพื่อดำเนินคดีอาญาต่อไป
ด้านเดลินิวส์ รายงานว่า นายชัยวัฒน์ พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า จากที่ ป.ป.ท. ชี้มูลตนเรื่องการเผาบ้านปู่คออี้นั้น ที่ผ่านมา ตนเป็นข้าราชการ และทำคดีเกี่ยวกับป่าไม้มาหลายคดี แต่ละคดีก็ตอบได้ว่า มีที่มาที่ไปอย่างไร เกิดอะไรขึ้นตรงไหน มีความเสียหายอย่างไร การดำเนินคดีกับใครสักคนต้องให้ความเป็นธรรม เป็นกลาง เข้าไปยังจุดเกิดเหตุ พิสูจน์ตามพิกัดว่าเป็นไปตามที่ฟ้องหรือไม่ ลงพื้นที่ตรวจสอบด้วยตัวเอง ไม่ใช่เปรียบเทียบภาพประกอบตามแนบ
ตนอยากฝากไปถามเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. ด้วยว่า ได้นำสืบพยานตามข้อมูลพื้นฐานนี้หรือไม่ ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ ยังไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนลงพื้นที่จริงเลย ตนปฏิเสธมาตลอดว่า ตนไม่ได้เผาบ้านปู่คออี้ และยังร้องขอท้ายบันทึกวันที่เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. สอบสวนด้วยว่า อยากให้เจ้าหน้าที่ไปลงพื้นที่จุดเกิดเหตุว่าอยู่ตรงไหน อย่าเชื่อแค่กระดาษที่มีคนฟ้อง สืบสวนสอบสวนจากกระดาษอย่างเดียว นี่หรือคือความเป็นธรรม
ตนอยากฝากไปถามเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. ด้วยว่า ได้นำสืบพยานตามข้อมูลพื้นฐานนี้หรือไม่ ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ ยังไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนลงพื้นที่จริงเลย ตนปฏิเสธมาตลอดว่า ตนไม่ได้เผาบ้านปู่คออี้ และยังร้องขอท้ายบันทึกวันที่เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. สอบสวนด้วยว่า อยากให้เจ้าหน้าที่ไปลงพื้นที่จุดเกิดเหตุว่าอยู่ตรงไหน อย่าเชื่อแค่กระดาษที่มีคนฟ้อง สืบสวนสอบสวนจากกระดาษอย่างเดียว นี่หรือคือความเป็นธรรม
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ด้านนายชัยวัฒน์ ได้ส่งเอกสารคำพิพากษาศาลปกครองกลาง คดีหน่อแอะ มีมิ ลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2559 ให้ผู้สื่อข่าวดู ซึ่งระบุว่า การบุกรุกแผ้วถางนั้น ไม่ได้กระทำในพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของชุมชนชาวกะเหรี่ยง บ้านบางกลอย หมู่ 1 หรือบ้านโป่งลึก หมู่ 2 ตำบลห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี และไม่ใช่แปลงที่ดินทำกินที่มีการจัดสรรให้ชาวบ้านจากอุทยานแก่งกระจาน และไม่ใช่พื้นที่ชุมชนดั้งเดิมของชาวกะเหรี่ยง จึงเป็นการแผ้วถางในส่วนที่เป็นการบุกรุกในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติเท่านั้น
นอกจากนี้ ในคำพิพากษาดังกล่าว ยังระบุว่า เจ้าหน้าที่มีอำนาจที่จะรื้อถอนหรือเผาทำลาย ในสภาพพื้นที่ที่เป็นป่าลึก และหากยังรื้อถอนแล้วเหลือซากนั้น ก็จะสามารถนำไปใช้ในการปลูกสร้างใหม่ได้ ดังนั้น "การที่คณะเจ้าหน้าที่ ทำการเผาสิ่งปลูกสร้างเช่นว่าวันนั้น จึงเป็นการดำเนินการที่ถูกต้องเหมาะสม ตามควรแก่กรณีแล้ว"
และสุดท้าย นายชัยวัฒน์ได้บอกว่า ถ้าตนมีอันเป็นไป ตนไม่เสียใจ เพราะตนสามารถเอาพื้นที่ป่ากลับคืนมาได้ 4-5 แสนไร่
นอกจากนี้ ในคำพิพากษาดังกล่าว ยังระบุว่า เจ้าหน้าที่มีอำนาจที่จะรื้อถอนหรือเผาทำลาย ในสภาพพื้นที่ที่เป็นป่าลึก และหากยังรื้อถอนแล้วเหลือซากนั้น ก็จะสามารถนำไปใช้ในการปลูกสร้างใหม่ได้ ดังนั้น "การที่คณะเจ้าหน้าที่ ทำการเผาสิ่งปลูกสร้างเช่นว่าวันนั้น จึงเป็นการดำเนินการที่ถูกต้องเหมาะสม ตามควรแก่กรณีแล้ว"
และสุดท้าย นายชัยวัฒน์ได้บอกว่า ถ้าตนมีอันเป็นไป ตนไม่เสียใจ เพราะตนสามารถเอาพื้นที่ป่ากลับคืนมาได้ 4-5 แสนไร่
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้, เดลินิวส์