x close

สรุปจบ ทักษิณ ทอล์กใน Clubhouse โชว์วิสัยทัศน์ธุรกิจยุค 5G อย่างเจ๋ง คนฟังจนคลับแตก


          ทักษิณ ชินวัตร เปิดวิสัยทัศน์ใน Clubhouse เล่าชีวิตในอดีตกว่าจะมีวันนี้ เจ๊งมาแล้วหลายธุรกิจ พร้อมโชว์วิสัยทัศน์ธุรกิจยุค 5G ไทยต้องเอาชนะตลาดจีนยังไง เผยทางรอดของไทยที่รัฐบาลควรเร่งทำ คนฟังจนคลับแตก

ทักษิณ ชินวัตร
ภาพจาก Instagram thaksinlive

          วันที่ 2 มีนาคม 2564 ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดคลับพูดคุยกันอีกครั้งใน Clubhouse ในชื่อ Tony Woodsome ร่ายยาวตั้งแต่เรื่องส่วนตัวไปถึงเรื่องธุรกิจ โชว์วิสัยทัศน์ล้ำอนาคตหลายด้าน คนฟังพร้อมกันกว่า 7 หมื่นคน คลับแทบแตกเลยทีเดียว กระปุกดอทคอม สรุปประเด็นสำคัญที่น่าสนใจมาให้แล้ว...

ทักษิณ ชินวัตร
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ธนวัฒน์ วงค์ไชย - Tanawat Wongchai

ชีวิตการงานทักษิณในอดีต เจ๊งแต่ไม่ท้อ ถือคติ "โง่มาก่อนฉลาด"

          ทักษิณจบจากเมืองนอก กลับมาเมืองไทยตอนอายุ 29 ปี โดยตอนแรกที่บ้านทำธุรกิจผ้าไหม แต่คิดว่าไม่น่าเวิร์ก หาเงินไม่ได้ เลยหันมาทำโรงหนัง ส่วนแรงบันดาลใจคือดูหนังเรื่องบ้านทรายทอง นางเอกชื่อเหมือนภรรยา คือ พจมาน ตนเลยจำนำรถเบนซ์ แลกเช็คมา 1 ล้านบาท แล้วทำโรงหนังสายภาคเหนือ ลงทุนไป 1 ล้านบาท ได้กำไร 1 ล้านบาท แต่ผลสุดท้ายขาดทุนหมดตัวเพราะเวลาซื้อหนังดี ๆ เขาจะพ่วงหนังไม่ดีมาให้ 2-3 เรื่อง ทำให้ขาดทุน

          จากนั้น ตนกู้เงิน 18 ล้านบาท ใช้ตึกแถวค้ำเงินกู้ เพื่อนำเงินมาสร้างคอนโด เพราะสมัยนั้นคอนโดเพิ่งมาใหม่ ตนเริ่มทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แม้ไม่เคยมีประสบการณ์ กำลังตอกเสาเข็มจะสร้างคอนโด 15 ชั้น มหาดไทยบอกว่าใกล้เขตพระราชฐาน เลยสร้างได้แค่ 7 ชั้น ผลคือขาดทุนอีก ทำหนังก็เจ๊ง เช็คก็เด้ง บางทีโดนหมายจับต้องขึ้นศาลไปผลัดหนี้ เรียกว่า "โง่มาก่อนฉลาด" ดังนั้น ทำอะไรโง่ไปแล้ว ตอนหลังก็เริ่มฉลาดเพราะผ่านการเรียนรู้ประสบการณ์ จนเป็น solution provider

          ต่อมาหันไปทำธุรกิจโทรคมนาคม เอาคอมพิวเตอร์ไปให้รัฐบาลเช่าเป็นรายเดือน เริ่มจากติดลบ ลงทุนประมาณ 10 ล้านบาท แต่ไม่มีเงิน ใช้วิธีการขอให้เพื่อนออก bank guarantee ให้ เหมือนการเอารายได้ไปขายล่วงหน้า

          ธุรกิจตอนแรก ๆ ยังไม่มีปัญญาใช้หนี้ เลยคิดว่าต้องหารายได้ใหม่เพิ่มเติม จึงหันไปทำธุรกิจด้านการสื่อสาร เริ่มจากการทำเพจเจอร์ Pack Link ทำไปทำมามีปัญหากันเลยถอนหุ้น แล้วไปทำ phone link ต้องลงทุนซื้ออุปกรณ์เยอะ เลยไปชวนสิงคโปร์มาทำ โดยที่ทักษิณไม่ต้องลงทุน คือ เอาเงินสิงคโปร์มาลงทุน แล้วทักษิณถือหุ้นใหญ่

ทักษิณ ชินวัตร
ภาพจาก PKittiwongsakul / Shutterstock.com

สิ่งต่าง ๆ รอบตัว ทำให้ปิ๊งไอเดียทำธุรกิจได้เสมอ

          ทักษิณยอมรับว่ามีนิสัยชอบทำอะไรใหม่ ๆ จากที่ฟังดูแล้ว พบว่าเขามักได้ไอเดียการทำธุรกิจจากสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ตั้งแต่การทำโรงหนัง ที่ดูหนังเรื่องบ้านทรายทอง แล้วนางเอกดันชื่อเดียวกับภรรยา ก็ปิ๊งไอเดียทำโรงหนังขึ้นมา

          นอกจากนี้ ทักษิณเคยอ่านหนังสือเรื่อง The third wave ที่พูดถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และศิลปวัฒนธรรม ซึ่งเป็นเรื่องในอนาคตมาก ๆ ของสมัยนั้น ประกอบกับไปเที่ยวงานนิทรรศการเกี่ยวกับการโทรคมนาคมและการสื่อสาร แม้เขาไม่มีประสบการณ์ด้านนี้ แต่จากการคุยกับพนักงานขายแล้ว ทำให้ได้ไอเดียมาทำธุรกิจด้านด้านการสื่อสาร คือ pack link และ phone link ดังกล่าว

          ส่วนคอนโด 7 ชั้น ที่ทำเจ๊งตอนแรก ทักษิณได้เอามาดัดแปลงทำเป็นอาคารสำนักงานของธุรกิจโทรคมนาคม ซึ่งตอนนั้นกำลังรุ่งเรืองเลยทีเดียว

ทักษิณ ชินวัตร

จุดเปลี่ยนผันจากคนล้มละลาย สู่นักธุรกิจแถวหน้าของเอเชีย

          ขณะที่ธุรกิจโทรคมนาคม กำลังไปได้ดี มีคนชวนให้เอาธุรกิจเข้าตลาด แต่บัญชีของทักษิณไม่ดี มีหนี้เยอะ มีทุนจดทะเบียนแค่ 20 ล้านบาท เขาเลยพยายามทำบัญชีให้ดี ประกอบกับมีหุ้นเยอะ ถ้าตีราคามูลค่าหุ้นให้เยอะก็น่าจะได้ เลยเอาหุ้นไปยื่นกู้กับสถาบันการเงิน เป็นการวางประกัน แต่มีข้อแม้ว่าต้องขายหุ้นให้เขาเป็นสัดส่วนเท่านั้นเท่านี้เปอร์เซ็นต์ ถือคติ อย่าโลภมาก ยอมอะไรได้ก็ยอมไปก่อน
         
          จากคนล้มละลาย คนมีหนี้ ก็ก้าวสู่การเป็นนักธุรกิจแถวหน้าของเอเชีย ด้วยอายุเพียง 40 ปี สามารถเอาบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ได้ และมีเงินสดพันล้านบาทแรก ขณะที่กำลังร่ำรวยได้ไปเที่ยวลาสเวกัส ไปเข้าบ่อนเล่นพนัน แลกเงินไป 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ เล่นแป๊บเดียวหมด เลยคิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับการพนัน จึงมุ่งหน้าทำธุรกิจต่อไป

ทักษิณ ชินวัตร
ภาพจาก Instagram thaksinlive

วิสัยทัศน์ด้านธุรกิจ ฉบับ ทักษิณ ชินวัตร

          ทักษิณ ย้ำเสมอว่าทุกอย่างต้องค่อย ๆ สร้างประสบการณ์ ค่อย ๆ สร้างตัว ชีวิตเขาเคยจำนำและจำนองทุกอย่างมาแล้ว ไม่ใช่เกิดมาแล้วประสบความสำเร็จเลย

          สิ่งสำคัญที่เราควรมี คือ การต้องรู้จักปล่อยวาง ปัญหามีไว้แก้ ทักษิณเล่าถึงตอนมีปัญหาเช็คเด้ง กลางคืนจะไม่คิดมาก นอนให้หลับ แล้วตื่นมาค่อยคิด ใช้สมาธิให้ดี ซึ่งที่ปรึกษาที่ดีคือ คุณหญิงพจมาน เวลาเครียดก็ขับรถไปคุยกันไป จนได้วิธีแก้ปัญหา

          นอกจากนี้ ความโปร่งใสทางบัญชีสำคัญที่สุด ราคาของสินค้าแต่ละหน่วยสำคัญมาก ทำไมของคุณแพงกว่าคนอื่น แล้วจะไม่เชื่อว่าโปร่งใส คนจะไม่เชื่อถือหุ้น ถ้าเจ้าของโกงบริษัท ลูกน้องก็โกงได้ ดังนั้น เจ้าของต้องไม่โกงบริษัท แล้วเราจะไม่รู้ว่ากำไร ขาดทุนเท่าไร เพราะทำบัญชีเลอะเทอะ การทำบัญชีที่ดี ทำให้เรามองเห็นธุรกิจว่าขาดเหลืออะไร ต้องปรับปรุงอะไร

          ธุรกิจจะดี ต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาจับด้วย ดังนั้น ถ้ามี ไอเดียบวกความคิดสร้างสรรค์ ครบแล้วก็ไปเรื่องต่อไปคือ เงิน ดังนั้น ต้องมีโมเดลธุรกิจก่อน แล้วจึงค่อยไปหาเงิน

ทักษิณ ชินวัตร
ภาพจาก Instagram thaksinlive

หลังโควิด 19 ธุรกิจอะไรจะมาแรง

          - ธุรกิจด้านสุขภาพ ลงทุนในด้านเทคโนโลยีสุขภาพ เพราะเป็นธุรกิจโลกอนาคต ทุกคนต้องดูแลสุขภาพ

          - ธุรกิจช้อปปปิ้งออนไลน์ ซึ่งต่อไปห้างสรรพสินค้าคนจะน้อยลง และ 20 เปอร์เซ็นต์ของแรงงานทั้งโลก จะ work from home ประกอบกับคนชินกับการซื้อของออนไลน์ในช่วงโควิด ดังนั้น ร้านค้าต้องปรับตัวไปขายบนออนไลน์ให้ได้

          - ธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวเพื่อความสนุกสนานจะเพิ่มขึ้น สวนทางกับการท่องเที่ยวทางธุรกิจจะลดลง เนื่องจากคนเก็บกดกันมาก

          เทคโนโลยีด้านการสื่อสารก็น่าสนใจ 5G กำลังมา และใช้กับ internet of things ต้องไปข้างหน้าให้ทันกับเทคโนโลยีเช่น ลองจับเรื่องโดรน เรื่อง AI แทนที่เราจะไปจับเรื่องคอมพิวเตอร์

          ตอนนี้ทำธุรกิจเหมือนอยู่ในภาวะจมน้ำ ต้องวัดกันว่าใครดำน้ำได้อึดมากกว่า และต้องย้อนกลับไปคิดว่าโมเดลทางธุรกิจที่เหมาะสมคืออะไร และรัฐต้องเปิดให้ธุรกิจเดินต่อไปได้

          ต้องวิเคราะห์ปัจจุบัน และโปรเจกต์ไปอนาคต แล้วทำธุรกิจเพื่ออนาคต ไม่ใช่ทำธุรกิจเพื่อเมื่อวาน

ทักษิณ ชินวัตร
ภาพจาก Boumen Japet / Shutterstock.com

เราจะเอาชนะตลาดจีนได้อย่างไร  

          สินค้าจีนมาตีตลาดไทยอย่างทุกวันนี้ เพราะจีนลดต้นทุนการทำแม่แบบในการผลิตสินค้า จึงสามารถผลิตสินค้าปริมาณมาก ๆ ด้วยต้นทุนต่ำ หลากหลายแบบ ทำให้ขายได้ถูก ดังนั้น เราสู้และแข่งเรื่องอุตสาหกรรมต่ออุตสาหกรรมไม่ได้ ต้องมาแข่งเรื่อง ความคิดสร้างสรรค์แทน ไทยต้องสู้ด้วยทักษะและคุณภาพสินค้าไทย

           คนไทยมีความคิดสร้างสรรค์ แต่วิทยาศาสตร์อ่อน ดังนั้น ก็ทำเรื่องเก่าแต่ใช้ เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ประเทศไทยควรจะทำ 2 อย่างที่ดีคือ ความคิดสร้างสรรค์ กับ ทำเรื่องเก่าด้วยวิธีใหม่ เช่น การเกษตรใช้หุ่นยนต์ ใช้ AI ไว้ประจำการเกษตรที่หมู่บ้าน พยายามคิดสิ่งที่แตกต่างให้ได้ อย่าไปคิดให้เหมือนคนอื่น

          บรรยากาศความคึกคักทางเศรษฐกิจในไทยไม่ดีพอ ไม่เอื้อต่อการทำมาค้าขาย จุดแข็งของเราเริ่มหาย แต่จุดแข็งที่เรายังมี คือ ความคิดสร้างสรรค์ แต่ปัญหาคือจะทำยังไงให้ไปสู่ระดับโลกได้ อีกเรื่องที่แข็งคือ การเกษตร ดังนั้น เราชำนาญเรื่องไหนก็ทำเรื่องนั้นให้เก่งไปเลย

การเดินหน้าต่อและทางรอดของประเทศไทย

          ทักษิณ ระบุว่า สำคัญที่สุด คือ รัฐต้องเปิดประเทศ เปิดเศรษฐกิจ ไม่งั้นเดินต่อไม่ได้

          การแก้ปัญหาคนต่อคิวลงทะเบียนเราชนะ หรือปัญหาจากแอปพลิเคชัน เราชนะ จะแก้ได้ต้องเป็น E-government ที่สมบูรณ์แบบ ข้อมูลเกี่ยวกับประชาชน เกษตรกร ต้องมีครบ ดังนั้น พอเกิดปัญหาก็ดูว่าเข้าเกณฑ์ไหม แล้วโอนเงินเข้าบัญชีโดยตรงเลย ไม่ต้องให้ประชาชนมาต่อคิวเลย

          รัฐบาลต้องเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเกษตรกร และรัฐต้องมาช่วยเรื่องตลาดกับเกษตรกร ต้องมีเจ้าภาพว่าจะขายยังไง ระบายยังไง ไม่อย่างนั้นจะแก้ปัญหาเรื่องผลผลิตล้นตลาดไม่ได้ แล้วเอาโลกทั้งใบมาเป็นตลาดให้สินค้าการเกษตร และต้องทำโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเกษตรด้วย

          ยุคโควิด 19 ทั้งโลกแย่หมด แต่ไทยแย่เป็นพิเศษ แล้วต้องมาคิดว่า หลังจากที่โควิดผ่านพ้นไปแล้ว สิ่งที่เราทำจะรอดไหม จะดีขึ้นไหม จะปรับอะไรให้ดีขึ้นได้บ้างไหม สุดท้ายจะวกกลับมาที่ไอเดียการทำธุรกิจ และ business model ที่ถูกต้อง อย่าใช้ความเคยชิน ความติดยึด อันไหนดีจะปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างไร อันไหนแย่จะแก้ไขอย่างไร ใช้โอกาสนี้ในการทบทวนตัวเอง



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สรุปจบ ทักษิณ ทอล์กใน Clubhouse โชว์วิสัยทัศน์ธุรกิจยุค 5G อย่างเจ๋ง คนฟังจนคลับแตก อัปเดตล่าสุด 4 มีนาคม 2564 เวลา 03:21:39 20,119 อ่าน
TOP