แม่น้องวาวา บุกเอาผิดโรงพยาบาลเอกชน หลังถ่วงเวลารักษารอเงินมัดจำ 4 หมื่น ซ้ำร้ายพอเสียชีวิตกลับเก็บค่าอาหาร ทั้งที่คนตายวิกฤตไม่ได้กินอะไร ชี้ ถือว่าทำผิดกฎ UCEP หากคนไข้วิกฤต สามารถรักษาได้เลยโดยไม่ต้องมัดจำ รับ คาใจสาเหตุการตายมาก และเป็นเรื่องผิดปกติ
วันที่ 3 มีนาคม 2564 ช่อง 3 รายงานว่า นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมมารดาน้องวาวา พริตตี้ที่เสียชีวิตปริศนาหลังรับงานที่บ้านนายเก่ง เดินทางร้องทุกข์กับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เรื่องโรงพยาบาลที่รักษาผู้ตาย ไม่ปฏิบัติตามนโยบายการรักษาผู้ป่วยฉุกเฉิน (UCEP)
ด้านนายอัจฉริยะ กล่าวว่า วาวาเข้าข่ายเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินขั้นวิกฤต สามารถใช้สิทธิ UCEP ได้ คือ การรักษาได้ทันที ไม่ต้องมีการวางเงินมัดจำหรือทำประวัติใด ๆ แต่ทางโรงพยาบาลกลับให้วางเงินมัดจำ ซึ่งหลักฐานที่ตนนำมาคือ เอกสารการส่งตัวผู้ป่วย พบว่า กลุ่มบ้านปาร์ตี้นำตัวผู้ตายส่งโรงพยาบาลเวลา 06.29 น. จากนั้นก็กลับไป ต่อมาทางโรงพยาบาลได้ใช้นิ้วมือผู้ตายสแกนเปิดโทรศัพท์ โทร. ไลน์แจ้งญาติ
ภาพจาก ช่อง 3
เวลา 07.09 น. นายเก่ง กลับมาจ่ายเงินมัดจำ 15,000 บาท แต่จ่ายเงินแล้วก็ยังไม่นำตัวคนไข้เข้าห้องไอซียู ยังมีการพูดคุยอยู่ 10 นาที โดย ณ เวลานั้น ผู้ตายยังคงรอการรักษา ยังรู้สึกตัว ขยับมือได้ ก่อนที่เวลา 07.18 น. จะมีการลงรายละเอียดว่าเริ่มรักษา พร้อมเรียกเงินอีก 40,000 บาท สุดท้าย ผู้ตายเสียชีวิตเวลา 08.15 น.
ส่วนเรื่องผลการชันสูตรพบยาเสพติด 4 ชนิด และสารคล้ายยานอนหลับ ต้องรอตรวจกับกลุ่มพริตตี้ที่มาด้วยว่ามีการเกี่ยวข้องกับสารเสพติดชนิดใดบ้าง เพื่อเป็นหลักฐานมัดตัวเจ้าของบ้าน แต่ปัญหาในตอนนี้คือ ภาพวงจรปิดถูกลบ และมีการทำความสะอาดที่เกิดเหตุ เมื่อทำเช่นนี้ก็แสดงได้ชัดเจนว่า มีการปิดบังซ่อนเร้นอะไรบางอย่างเอาไว้ ยิ่งทำให้น่าสงสัยว่า เรื่องนี้มีลับลมคมใน ต้องรอการตรวจสอบ
ภาพจาก ช่อง 3
ตอนนี้ตนได้คุยกับเพื่อนของน้องวาวาบ้าง แต่ยังไม่ได้คุยกับคู่กรณีและโมเดลลิ่ง ซึ่งโมเดลลิ่งคนนี้ ถือว่ารู้จักกับน้องวาวา เคยไปทำบุญ ปฏิบัติธรรมด้วยกัน จึงเป็นสาเหตุที่รับงาน
สุดท้าย ตนฝากข้อความถึงลูกสาวผู้ล่วงลับว่า ลูกทำงานเหนื่อยมาก ถึงเวลาพักผ่อนยาว ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องห่วงแม่ ไม่ต้องห่วงน้อง วาวาจะอยู่กับแม่อยู่กับเพื่อนทุกคนตลอด ไม่ได้จากไปไหน เพียงแค่ไม่ได้เห็นกันเท่านั้น
ภาพจาก ช่อง 3