อาลัย.. สาว 19 ถูกยิงศีรษะ ดับในเหตุประท้วงเมียนมา พบโพสต์สุดท้าย ขอบริจาคอวัยวะ

          อาลัย เยาวชนเมียนมา อายุ 19 ปี ถูกยิงที่ศีรษะท่ามกลางเหตุประท้วง พม่ารัฐประหาร พบโพสต์สุดท้ายเผยความปรารถนา ขอบริจาคอวัยวะหากมีอันต้องจากไป ก่อนเข้าร่วมการประท้วง 


          วันที่ 4 มีนาคม 2564 เว็บไซต์ news.com.au มีรายงานสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศเมียนมา ที่ผู้คนทั่วทั้งประเทศโดยเฉพาะตามเมืองใหญ่ได้ออกมาประท้วงต่อต้านการรัฐประหารโดยกองทัพ อย่างไรก็ตามในขณะที่เกิดเหตุจลาจลต่อเนื่องรายวัน ไม่มีความสูญเสียครั้งไหนเทียบได้กับความรุนแรงที่เกิดขึ้นในวันพุธที่ 3 มีนาคม ซึ่งถูกยกให้เป็น "วันที่นองเลือดที่สุด" เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชน ใช้อาวุธกราดยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุม

          เหตุการณ์นองเลือดครั้งนี้เกิดขึ้นที่มัณฑะเลย์ เมืองใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเมียนมา เจ้าหน้าที่ใช้กระสุนจริงกราดยิงใส่ประชาชนที่ออกมาประท้วง เป็นผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก และเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 38 คน


          หนึ่งในกลุ่มผู้เสียชีวิต ก็คือ แจ่ สิ่น เยาวชนหญิงวัย 19 ปี ที่เดินทางมาร่วมการประท้วงอย่างสันติ โดยพบว่าเธอถูกกระสุนยิงเข้าที่ศีรษะ เสียชีวิตอยู่กลางถนนที่เต็มไปด้วยความโกลาหล

          ภาพของเธอที่มาร่วมการประท้วงในชุดเสื้อยืดสีดำ ซึ่งเขียนคำว่า "ทุก ๆ อย่างจะโอเค" ถูกแชร์ไปทั่วโซเชียลมีเดียของพม่า ๆ พร้อม ๆ กับคลิปและภาพของเด็กสาวที่มีเลือดไหลอาบจากบาดแผล การเสียชีวิตของวัยรุ่นสาวกลายเป็นตัวจุดประกายไฟระลอกใหม่แก่กลุ่มผู้ชุมนุม และปลุกระดมผู้คนให้ออกมาแสดงพลังขัดขืนอำนาจของรัฐบาลทหารกันมากขึ้น


          ทั้งนี้ พบว่าเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ก่อนที่จะเข้าร่วมการประท้วง แจ่ สิ่น ซึ่งมีชื่อภาษาจีนว่าเติ้งเจียซี ได้โพสต์ข้อความสุดท้ายผ่านเฟซบุ๊ก ระบุถึงกรุ๊ปเลือดของเธอ และแจ้งความประสงค์ขอบริจาคร่างกายทุกส่วน หากเธอมีอันต้องจากไป

          สำหรับ แจ่ สิ่น เป็นเยาวชนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ โดยเธอเป็นทั้งนักร้อง นักเต้น และยังเป็นแชมป์เทควันโดของมัณฑะเลย์ การจากไปของเธอนับเป็นอีกโศกนาฏกรรมที่สร้างความโกรธแค้นที่กลุ่มผู้ชุมนุมมีต่อเจ้าหน้าที่ โดยมีผู้คนมากมายร่วมเดินขบวนไปด้วยกันขณะมีการเคลื่อนย้ายศพ และยังมีเยาวชนอีกจำนวนไม่น้อยที่เลือกจะออกมาแสดงพลัง เมื่อทราบข่าวการนองเลือดที่เกิดขึ้น

          ขณะที่การประท้วงในย่างกุ้งวันนี้ (4 มีนาคม) พบว่ามีผู้คนออกมาเข้าร่วมการประท้วงจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกชั่วโมง

ขอบคุณข้อมูลจาก วอชิงตันโพสต์, news.com.au