อดีตหมอนวดสาวร้องสื่อ ลอบมีสัมพันธ์กับลูกค้าจนท้อง สุดท้ายอีกฝ่ายลักพาตัวลูก โชว์ใบตรวจดีเอ็นเอ ฟ้องศาลขอดูแลลูกคนเดียว ด้านสามีตัวจริงเผย ไม่เคยรู้เลยว่าภรรยาคบหากับลูกค้า แต่ไม่โกรธเพราะเรื่องผ่านมาแล้ว
วันที่ 4 มีนาคม 2564 เฟซบุ๊ก ชุมชนข่าวขอนแก่น รายงานว่า น.ส.เฌอญาดา (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี และนายภูวดล (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี เดินทางไปยัง สภ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น เพื่อสอบถามความคืบหน้าหลังแจ้งความว่า น้องจันทร์เจ้า ลูกสาววัย 3 ขวบ หายตัวไปเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564
น.ส.เฌอญาดา เผยว่า ตนอยู่กินกับนายภูวดลได้ 1 ปีกว่า ก็เดินทางเข้าไปทำงานที่ร้านสปา อาบอบนวด โดยทำหน้าที่เอนเตอร์เทนลูกค้า ส่วนสามีทำงานรับเหมาก่อสร้าง ระหว่างที่ตนทำงานก็ได้รู้จักกับนายอาร์ต อายุ 38 ปี ลูกค้าประจำ จนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง มีเพศสัมพันธ์กัน 3 ครั้ง แต่ละครั้งจะกินยาคุมฉุกเฉิน ต่อมาตนตั้งครรภ์ก็บอกสามีให้ทราบ ส่วนตนไม่พร้อม ตอนนั้นต้องการทำแท้ง หาทางออกไม่ได้จึงปรึกษานายอาร์ต ซึ่งนายอาร์ตบอกว่าไม่ต้องทำแท้ง จะดูแลช่วยเหลือเอง หลังจากนั้นก็มีการดูแลจนคลอดลูก
น.ส.เฌอญาดา เล่าอีกว่า ต่อมาโรคโควิด 19 ระบาด ทำงานไม่ได้ ตนจึงพาลูกกลับบ้านที่ จ.ขอนแก่น นายอาร์ตก็เปิดร้านสปาให้ พร้อมซื้อรถยนต์ให้อีก 1 คัน แต่เปิดได้ไม่นานก็ปิดเพราะการระบาดของโควิด 19 ตลอดเวลาที่อยู่ขอนแก่น นายอาร์ตก็ยังไปมาหาสู่โดยที่สามีไม่ทราบเรื่อง เมื่อร้านสปาปิดตัวลงก็มีความคิดอยากกลับเข้าไปทำงานในกรุงเทพฯ จึงนำลูกสาวไปฝากเลี้ยงที่เนิร์สเซอรี โดยจะจ่ายค่าเลี้ยงดูให้เดือนละ 23,000 บาท ซึ่งในช่วงแรกก็จ่ายเงินให้ครูทุกเดือน แต่พอโควิด 19 ระบาดหนัก ทำงานไม่ได้ จึงโอนจ่ายบ้าง แต่ไม่ได้จ่ายเป็นก้อน
ต่อมาได้ขายรถยนต์และเอาเงินมาจ่ายครู หลังจากนั้นครูก็เลี้ยงลูกต่อจนถึงวันที่หายตัวไป น.ส.เฌอญาดา ยอมรับว่าเคยพานายอาร์ตไปดูเนิร์สเซอรี 1 ครั้ง เพราะคิดว่าผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก อยากพบเจอจึงพาไปดู หลังจากนั้นก็กลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ และย้ำกับครูตลอดว่าห้ามให้ลูกสาวห่างสายตาหรือไปกับใครเด็ดขาด ส่วนนายอาร์ตก็หายไป กระทั่งมาลักพาตัวลูกสาว
น.ส.เฌอญาดา เผยว่า เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 ตนได้รับหมายเรียกจากศาลเยาวชนและครอบครัว ทราบว่านายอาร์ตยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อเป็นผู้ปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียว โดยต้องเดินทางไปที่ศาลในวันที่ 8 เมษายน 2564 ตนจึงรีบไปหาลูกสาวที่เนิร์สเซอรี เมื่อไปถึงครูบอกว่าลูกสาวหายตัวไปขณะที่ครูนั่งถางหญ้าในบ้าน เมื่อรู้ว่าลูกสาวหายตัวไปจึงรีบไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมคนที่เอาตัวลูกสาวไป เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย
ด้าน นายภูวดล เผยว่า ไม่เคยรู้เรื่องที่ภรรยาคบหากับลูกค้าเลย ทราบเรื่องทุกอย่างตอนมีหมายเรียกมาที่บ้าน ทั้งนี้ ไม่ได้ตกใจอะไรเพราะเรื่องผ่านมาแล้ว ตอนนี้ห่วงลูกมากที่่สุด เชื่อว่านายอาร์ตเป็นคนพาลูกสาวไป เนื่องจากวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 ขณะเข้าแจ้งความนั้น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาบอกว่า ครูกับนายอาร์ตอุ้มน้องจันทร์เจ้า พร้อมเอกสารการตรวจดีเอ็นเอและสำนวนฟ้อง มาแจ้งความลงบันทึกประจำวันด้วยกัน และระบุว่านายอาร์ตคือบิดา และเป็นผู้ปกครองดูแลบุตรเพียงผู้เดียว โดยบอกว่าตนและภรรยาไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปกติ เพราะครูไม่ได้แจ้งให้พ่อแม่ทราบ เมื่อทราบเช่นนั้นตนจึงติดต่อกับครู แต่ครูปฏิเสธว่าไม่ทราบเรื่อง และครูจะติดต่อกับนายอาร์ตให้นำน้องจันทร์เจ้ามาคืน แต่เมื่อติดต่อนายอาร์ตได้ นายอาร์ตบอกว่าไม่คืน และขอให้ทนายจัดการกับเรื่องทุกอย่าง ขอให้ไปคุยกันที่ศาลเท่านั้น จึงเชื่อมั่นว่าน้องจันทร์เจ้าอยู่กับนายอาร์ต
ด้าน พ.ต.อ. พิชัยภูษิส จารุพงศ์ ผกก.สภ.บ้านไผ่ กล่าวว่า ทราบรายละเอียดทั้งหมดแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอศาลออกหมายจับนายอาร์ตมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ในข้อหาผู้ใดโดยปราศจากเหตุอันควรพรากเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดา มารดา และผู้ดูแล ซึ่งหากจับกุมตัวได้ก็จะนำตัวมาสอบสวน เนื่องจากว่า การที่นายอาร์ตมีการยื่นฟ้องบิดา มารดาของน้องจันทร์เจ้า และว่าตัวเองเป็นผู้ปกครองเพียงคนเดียวนั้น อยู่ในขั้นตอนของศาลออกหมายเรียก และยังไม่ทราบว่าใบตรวจดีเอ็นเอที่ได้มานั้นของจริงหรือไม่ นายอาร์ตไม่ควรจะชิงลงมือหรือกระทำการใด ๆ ที่เกี่ยวกับชีวิตและร่างกายหรือการลักพาตัวเด็กไปจากพ่อ แม่ ผู้ดูแล โดยเด็ดขาด เพราะการกระทำที่เกิดขึ้นนั้นผิดกฎหมาย จึงขอศาลออกหมายจับนายอาร์ตมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก ชุมชนข่าวขอนแก่น
