เมแกน พร้อมด้วยเจ้าชายแฮร์รี่ เปิดใจเรื่องราวชีวิตในฐานะสมาชิกราชวงศ์อังกฤษ เมแกน เผย ถูกจำกัดอิสรภาพ กดดันหนัก เหงาโดดเดี่ยว จนถึงขั้นไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ
ภาพจาก Daniel LEAL-OLIVAS / AFP
เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า เจ้าชายแฮร์รี่ และเมแกน ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซ็กส์ ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการทอล์กโชว์ของ โอปราห์ วินฟรีย์ คืนวันที่ 7 มีนาคม 2564 ซึ่งนับว่าเป็นการสัมภาษณ์อย่างเป็นทางการครั้งแรกผ่านรายการโทรทัศน์ซีบีเอสของสหรัฐฯ ภายหลังจากการประกาศถอนตัวจากสมาชิกราชวงศ์ชั้นสูง โดยเมแกนได้เปิดใจถึงความยากลำบากในชีวิตเมื่อครั้งอยู่ในฐานะราชวงศ์อังกฤษ
เมแกน เผยว่า เธอถูกจำกัดเสรีภาพทั้งในเรื่องความคิด การแสดงออกอย่างเปิดเผยและเรื่องส่วนบุคคล หลังจากที่เธอเข้าไปเป็นสมาชิกราชวงศ์อังกฤษ เธอไม่ได้จับหนังสือเดินทาง ใบขับขี่ หรือกุญแจใด ๆ ของตัวเอง เธอเพิ่งจะได้รับพวกมันคืนหลังจากเธอและพระสวามีสละสถานะออกมา
ภาพจาก Joe PUGLIESE / HARPO PRODUCTIONS / AFP
แม้แต่การออกไปรับประทานอาหารกลางวันกับเพื่อน เมแกนก็ไม่ได้รับอนุญาตจากทางวัง เพราะมีสื่อตามติด ซึ่งทางสถาบันห่วงและกังวลภาพลักษณ์ นอกจากนั้นยังมีประเด็นเรื่องเหยียดสีผิว ทางราชวงศ์มีความกังวลเรื่องสีผิวของอาร์ชี บุตรชาย ว่าจะมีผิวเข้มแค่ไหน
ในช่วงหนึ่ง เมแกน ยังเปิดใจว่า ความกดดันทำให้เธอเครียดหนัก รู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยวจนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าตัวตาย ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ เธอรู้สึกละอายใจที่ต้องบอกเรื่องนี้ให้พระสวามีทราบ ทั้งที่พระองค์ต้องสูญเสียพระมารดาไปตั้งแต่เด็ก
ภาพจาก John Stillwell / AFP
"ตอนนั้นฉันรู้สึกละอายใจจริง ๆ ที่ต้องพูดออกไป และรู้สึกละอายใจโดยเฉพาะกับแฮร์รี่ เพราะฉันรู้ดีว่าการสูญเสียของเขาต้องทนทุกข์ทรมานแค่ไหน แต่ฉันรู้ว่าถ้าฉันไม่พูด ฉันก็จะต้องทำมัน ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป"
ขณะที่ เจ้าชายแฮร์รี่ เผยว่า รู้สึกกลัว "เราไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เราก็เข้าไปที่มืดมิดนั้นเช่นเดียวกัน แต่เราอยากอยู่ที่นั่นเพื่อเธอ" ทั้งนี้ เจ้าชายแฮร์รี่ยังพูดถึงเรื่องเชื้อชาติว่า การสมรสระหว่างเขาและเมแกนเป็นโอกาสดีที่ทางราชวงศ์จะได้แสดงการสนับสนุนประเด็นสาธารณะเกี่ยวกับเรื่องการละเมิดเชื้อชาติ แต่ตรงกันข้าม ทางราชวงศ์กลับนิ่งเฉย และนั่นเป็นเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด
ภาพจาก Tolga AKMEN / AFP
"มันเป็นเรื่องยากอย่างไม่น่าเชื่อสำหรับเราสองคน แต่อย่างน้อยเราก็มีกันและกัน" เจ้าชายแฮร์รี่ กล่าว
อย่างไรก็ตาม เมแกนย้ำเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นว่าต้องแยกระหว่างสมาชิกราชวงศ์กับสถาบันออกจากกัน สำหรับสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เมแกน เผยว่า เธอได้รับการต้อนรับที่ยอดเยี่ยม อบอุ่น และเป็นกันเองเสมอมา
ส่วนเรื่องที่เคยมีรายงานว่าเธอทำให้เคท ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ พระชายาของเจ้าชายวิลเลียม ต้องร้องไห้ในงานแต่งงานของเธอนั้น ไม่ใช่เรื่องจริง ตรงกันข้าม เป็นเธอที่เป็นฝ่ายร้องไห้ แต่ไม่ได้มีการเผชิญหน้ากัน และเธอขอไม่พูดถึงรายละเอียด เพราะเคทได้ขอโทษเธอไปแล้ว และจะไม่ยุติธรรมกับอีกฝ่าย
ขณะที่ เจ้าชายแฮร์รี่ยังได้อธิบายถึงความสัมพันธ์ของเขากับวิลเลียม ดยุกแห่งเคมบริดจ์ พระเชษฐา ว่า ขณะนี้พระองค์มีระยะห่างระหว่างกัน แต่ก็ได้เสริมว่า "เวลาจะเยียวยาทุกสิ่งได้อย่างมีความหวัง"
ในช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ เมแกน กล่าวทิ้งท้ายว่า ชีวิตหลังออกจากราชวงศ์อังกฤษของเธอและพระสวามี นับเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตครอบครัวอย่างแท้จริง และเมื่อ วินฟรีย์ พิธีกร ถามว่า เรื่องราวของเธอและเจ้าชายจะลงเอยอย่างมีความสุขหรือไม่
เมแกน กล่าวว่า "มันจะดีกว่าเทพนิยายใด ๆ ที่คุณเคยได้อ่านมา"
ขอบคุณข้อมูลจาก edition.cnn.com
ภาพจาก Daniel LEAL-OLIVAS / AFP
เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า เจ้าชายแฮร์รี่ และเมแกน ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซ็กส์ ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการทอล์กโชว์ของ โอปราห์ วินฟรีย์ คืนวันที่ 7 มีนาคม 2564 ซึ่งนับว่าเป็นการสัมภาษณ์อย่างเป็นทางการครั้งแรกผ่านรายการโทรทัศน์ซีบีเอสของสหรัฐฯ ภายหลังจากการประกาศถอนตัวจากสมาชิกราชวงศ์ชั้นสูง โดยเมแกนได้เปิดใจถึงความยากลำบากในชีวิตเมื่อครั้งอยู่ในฐานะราชวงศ์อังกฤษ
เมแกน เผยว่า เธอถูกจำกัดเสรีภาพทั้งในเรื่องความคิด การแสดงออกอย่างเปิดเผยและเรื่องส่วนบุคคล หลังจากที่เธอเข้าไปเป็นสมาชิกราชวงศ์อังกฤษ เธอไม่ได้จับหนังสือเดินทาง ใบขับขี่ หรือกุญแจใด ๆ ของตัวเอง เธอเพิ่งจะได้รับพวกมันคืนหลังจากเธอและพระสวามีสละสถานะออกมา
ภาพจาก Joe PUGLIESE / HARPO PRODUCTIONS / AFP
แม้แต่การออกไปรับประทานอาหารกลางวันกับเพื่อน เมแกนก็ไม่ได้รับอนุญาตจากทางวัง เพราะมีสื่อตามติด ซึ่งทางสถาบันห่วงและกังวลภาพลักษณ์ นอกจากนั้นยังมีประเด็นเรื่องเหยียดสีผิว ทางราชวงศ์มีความกังวลเรื่องสีผิวของอาร์ชี บุตรชาย ว่าจะมีผิวเข้มแค่ไหน
ในช่วงหนึ่ง เมแกน ยังเปิดใจว่า ความกดดันทำให้เธอเครียดหนัก รู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยวจนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าตัวตาย ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ เธอรู้สึกละอายใจที่ต้องบอกเรื่องนี้ให้พระสวามีทราบ ทั้งที่พระองค์ต้องสูญเสียพระมารดาไปตั้งแต่เด็ก
ภาพจาก John Stillwell / AFP
"ตอนนั้นฉันรู้สึกละอายใจจริง ๆ ที่ต้องพูดออกไป และรู้สึกละอายใจโดยเฉพาะกับแฮร์รี่ เพราะฉันรู้ดีว่าการสูญเสียของเขาต้องทนทุกข์ทรมานแค่ไหน แต่ฉันรู้ว่าถ้าฉันไม่พูด ฉันก็จะต้องทำมัน ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป"
ขณะที่ เจ้าชายแฮร์รี่ เผยว่า รู้สึกกลัว "เราไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เราก็เข้าไปที่มืดมิดนั้นเช่นเดียวกัน แต่เราอยากอยู่ที่นั่นเพื่อเธอ" ทั้งนี้ เจ้าชายแฮร์รี่ยังพูดถึงเรื่องเชื้อชาติว่า การสมรสระหว่างเขาและเมแกนเป็นโอกาสดีที่ทางราชวงศ์จะได้แสดงการสนับสนุนประเด็นสาธารณะเกี่ยวกับเรื่องการละเมิดเชื้อชาติ แต่ตรงกันข้าม ทางราชวงศ์กลับนิ่งเฉย และนั่นเป็นเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด
ภาพจาก Tolga AKMEN / AFP
"มันเป็นเรื่องยากอย่างไม่น่าเชื่อสำหรับเราสองคน แต่อย่างน้อยเราก็มีกันและกัน" เจ้าชายแฮร์รี่ กล่าว
อย่างไรก็ตาม เมแกนย้ำเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นว่าต้องแยกระหว่างสมาชิกราชวงศ์กับสถาบันออกจากกัน สำหรับสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เมแกน เผยว่า เธอได้รับการต้อนรับที่ยอดเยี่ยม อบอุ่น และเป็นกันเองเสมอมา
ส่วนเรื่องที่เคยมีรายงานว่าเธอทำให้เคท ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ พระชายาของเจ้าชายวิลเลียม ต้องร้องไห้ในงานแต่งงานของเธอนั้น ไม่ใช่เรื่องจริง ตรงกันข้าม เป็นเธอที่เป็นฝ่ายร้องไห้ แต่ไม่ได้มีการเผชิญหน้ากัน และเธอขอไม่พูดถึงรายละเอียด เพราะเคทได้ขอโทษเธอไปแล้ว และจะไม่ยุติธรรมกับอีกฝ่าย
ขณะที่ เจ้าชายแฮร์รี่ยังได้อธิบายถึงความสัมพันธ์ของเขากับวิลเลียม ดยุกแห่งเคมบริดจ์ พระเชษฐา ว่า ขณะนี้พระองค์มีระยะห่างระหว่างกัน แต่ก็ได้เสริมว่า "เวลาจะเยียวยาทุกสิ่งได้อย่างมีความหวัง"
ในช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ เมแกน กล่าวทิ้งท้ายว่า ชีวิตหลังออกจากราชวงศ์อังกฤษของเธอและพระสวามี นับเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตครอบครัวอย่างแท้จริง และเมื่อ วินฟรีย์ พิธีกร ถามว่า เรื่องราวของเธอและเจ้าชายจะลงเอยอย่างมีความสุขหรือไม่
เมแกน กล่าวว่า "มันจะดีกว่าเทพนิยายใด ๆ ที่คุณเคยได้อ่านมา"