หนูน้อย 4 ขวบ เป่านกหวีดเล่นกับเพื่อน สำสักไส้นกหวีดลงคออุดหลอดลม ครูตกใจ หายใจเป็นเสียงนกหวีด รีบพาส่งโรงพยาบาล แพทย์เร่งช่วยนำออกมาได้อย่างปลอดภัย
ภาพจาก สำนักข่าวไทย
วันที่ 10 มีนาคม 2564 สำนักข่าวไทย รายงานว่า หนูน้อยวัย 4 ขวบ รายหนึ่งถูกครูพาส่งโรงพยาบาลยะลาด่วน หลังเผลอเป่านกหวีดเล่น แล้วสำสักไส้นกหวีดลงหลอดลม จนหายใจออกมาจะได้ยินเสียงหวีด ๆ จนเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลต้องเข้ารีบช่วยเหลือเป้นการด่วน
แพทย์หญิงกฤษณพร จิรวรากุล แพทย์องค์กรแพทย์ หู ตา คอ จมูก โรงพยาบาลยะลา เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวถือว่าโชคดี เพราะนกหวีดเป่าลมมีรู ทำให้มีช่องลมให้หายใจเข้า-ออกได้อยู่เพียงแต่จะมีเสียงดังเวลาหายใจเท่านั้น เพราะหากเป็นวัสดุที่ไม่มีรูจะเกิดอาการอุดตันร้อยเปอร์เซ็นต์ทำให้เด็กขาดอากาศหายใจอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยหลังจากมาถึงโรงพยาบาลแพทย์ได้ทำการเอกซเรย์หาตำแหน่ง ก่อนวางยาสลบ เปิดกล่องเสียงเพื่อคีบไส้นกหวีดที่ติดอยู่ออกมาได้ปลอดภัยใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที
แพทย์หญิงกฤษณพร จิรวรากุล แพทย์องค์กรแพทย์ หู ตา คอ จมูก โรงพยาบาลยะลา เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวถือว่าโชคดี เพราะนกหวีดเป่าลมมีรู ทำให้มีช่องลมให้หายใจเข้า-ออกได้อยู่เพียงแต่จะมีเสียงดังเวลาหายใจเท่านั้น เพราะหากเป็นวัสดุที่ไม่มีรูจะเกิดอาการอุดตันร้อยเปอร์เซ็นต์ทำให้เด็กขาดอากาศหายใจอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยหลังจากมาถึงโรงพยาบาลแพทย์ได้ทำการเอกซเรย์หาตำแหน่ง ก่อนวางยาสลบ เปิดกล่องเสียงเพื่อคีบไส้นกหวีดที่ติดอยู่ออกมาได้ปลอดภัยใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที
ภาพจาก สำนักข่าวไทย
จากการสอบถามครูที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าให้หมอฟังว่า ขณะเกิดเหตุเด็กคนนี้มีอาการไออย่างรุนแรง จึงสงสัยว่าสำลักสิ่งแปลกปลอมเข้าไปโดยนกหวีดเมื่อตกผ่านสายเสียงแล้วได้หล่นไปในหลอดลม และค้างที่หลอดลมส่วนต้น ทำให้เมื่อเด็กหายใจเข้า-ออก จึงมีเสียงนกหวีดดังออกมา
พร้อมเตือนว่าเด็กในวัยนี้ เป็นวัยที่อยากรู้อยากเห็นอยากเล่นทุกอย่าง ผู้ปกครอง คุณครู ควรดูแลระมัดระวัง และสังเกตสิ่งของที่มีขนาดเล็ก เด็กอาจจะนำเข้าไปในส่วนต่าง ๆ ร่างกาย ทั้งทางปาก หู จมูก หรืออวัยะต่าง ๆ ซึ่งเป็นอันตรายได้
ภาพจาก สำนักข่าวไทย
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าวไทย 
