ลูกเศรษฐียื่นฟ้องพ่อ-แม่ เรียกร้องจ่ายค่าเลี้ยงดูตลอดชีวิต หลังตกงานมาเป็น 10 ปี ชี้พ่อแม่เปย์ให้ทุกอย่าง ให้อยู่บ้านหรูฟรี ๆ น้ำไฟไม่ต้องเสียสักแดง แถมให้เงินใช้เดือนละครึ่งแสน ก่อนตัดสินใจหยุดให้เงิน
วันที่ 9 มีนาคม 2564 เว็บไซต์ Ladbible มีรายงานคดีสุดแปลกที่เกิดขึ้นในสหราชอาณาจักร เมื่อ ฟาอีซ ซิดดีคิว ชายวัย 41 ปี ได้ออกมาฟ้องศาลเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากพ่อแม่ที่อาศัยอยู่ในดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ด้วยความหวังจะให้พ่อแม่ส่งเสียตัวเองไปตลอดทั้งชีวิต
ฟาอีซ ซึ่งเป็นบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด และยังคงไม่มีงานทำอยู่จนถึงตอนนี้ อ้างว่าเขาต้องพึ่งพาพ่อแม่ในทุกสิ่งอย่าง และมองว่าตัวเองมีสิทธิเรียกร้องค่าเลี้ยงดูจากพ่อแม่ ในฐานะเด็กที่เติบโตขึ้นมาอย่างเปราะบางเนื่องจากปัญหาสุขภาพ ซึ่งเขามองว่าการที่พ่อแม่จะหยุดให้การสนับสนุนเรื่องการเงิน อาจเข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชนของเขา
รายงานเผยว่า เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว ที่ฟาอีซใช้ชีวิตอยู่ในคอนโดหรูมูลค่ากว่า 1 ล้านปอนด์ (ราว 42 ล้านบาท) ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คอนโดแห่งนี้เป็นของพ่อแม่วัย 71 และ 69 ปี ซึ่งยอมให้ลูกชายได้พักอาศัยโดยไม่คิดค่าเช่าใด ๆ แถมยังช่วยจ่ายบิลค่าน้ำค่าไฟ รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ให้ลูกชายเสมอมา นอกจากนี้พวกเขายังให้เงินก้อนเล็ก ๆ แก่ลูกชายอีกสัปดาห์ละ 400 ปอนด์ (ราว 17,000 บาท)
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แม้ว่าฟาอีซจะเคยเข้าเป็นทนายฝึกหัดในสำนักงานกฎหมายระดับท็อปแห่งหนึ่ง แต่เขากลับไม่ได้มีงานทำเป็นหลักแหล่ง ใช้ชีวิตอยู่ในสถานะคนว่างงานมาตั้งแต่ปี 2554 จนกระทั่งไม่นานมากนี้ พ่อแม่ของเขาตัดสินใจหยุดให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่ลูกชาย หลังเกิดความขัดแย้งในครอบครัว
ทั้งนี้ ฟาอีซพยายามจะยื่นฟ้องเพื่อเรียกค่าเลี้ยงดูจากพ่อแม่ผู้แก่ชรามาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ศาลครอบครัวไม่รับฟ้อง และตอนนี้เขายังพยายามจะเดินเรื่องต่อไปในชั้นศาลอุทธรณ์
ด้าน จัสติน เวอร์ชอว์ คิวซี ทนายความของพ่อแม่ฟาอีซ ระบุว่า พ่อกับแม่ของเขาที่เผชิญความทุกข์ทนมาเนิ่นนาน มีมุมมองของพวกเขาเองในการเตรียมการสิ่งต่าง ๆ ที่เหมาะสมแก่เจ้าลูกชายหัวรั้นช่างเรียกร้องคนนี้
อนึ่ง พบว่าก่อนหน้านี้ในปี 2561 ฟาอีซเคยพยายามฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายจากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดมาแล้ว เป็นจำนวนเงิน 1 ล้านปอนด์ หลังจากที่เขาไม่สามารถคว้าเกียรตินิยมมาได้ และกล่าวโทษระบบการสอนของทางมหาวิทยาลัยที่ไม่ดีพอและน่าเบื่อ จนเขาไม่สามารถบรรลุเป้าหมายทางการศึกษาที่ต้องการ และไม่สามารถเข้าเรียนต่อด้านกฎหมายในมหาวิทยาลัยชั้นนำอื่น ๆ ได้ อย่างไรก็ตามทางผู้พิพากษาศาลสูงมองว่า คดีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นการเตรียมความพร้อมที่ไม่เพียงพอ และการขาดวินัยในทางวิชาการของฟาอิซเอง
