ดราม่า ! ไม่มีจิ๋_ อย่าทำรู้ดี หลังโค้ชกิ๊ก กูรูด้านความรัก แนะสาว ๆ ทำยังไงถ้าผู้ชายชวนดู Netfilx ซัด บทความขยะ มองผู้หญิงเป็นวัตถุทางเพศ แนวคิดล้าหลัง งานนี้ a day เครือเดียวกันแจง ไม่สนับสนุนแนวคิดบทความนี้ - ทีมงานคนละชุด
กลายมาเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์เมื่อวันที่ 13
มีนาคม 2564 โค้ชกิ๊ก อนิศ โอสถานุเคราะห์ กูรูด้านความรักความสัมพันธ์
หนึ่งในผู้เขียนหนังสือ "หักหลังผู้ชาย" ได้ให้สัมภาษณ์ในนิตยสาร a day
BULLETIN หัวข้อ "ผู้หญิงควรเดินเกมอย่างไร เมื่อผู้ชายชวนไปดู Netflix
ที่ห้อง"
โค้ชกิ๊ก แนะ ผู้ชายชวนไปดูหนังที่บ้าน ต้องทำยังไง
ทั้งนี้ ในบทความดังกล่าว โค้ชกิ๊กบอกว่า การที่ผู้ชายชวนเข้าห้องไปดูเน็ตฟลิกซ์ อย่างไรเสียชายก็มีนัยแฝงอยู่แล้ว ผู้หญิงต้องถามตัวเองว่าพร้อมไหม และถ้าจะตอบกลับคำชวนนี้ ก็ขึ้นว่าผู้หญิงคนนั้นให้สถานะไหนกับผู้ชาย เป็นแค่เพื่อน แฟน หรือ Friends With Benefits
นอกจากนี้ โค้ชกิ๊กยังได้แนะนำถึงเรื่องการปฏิบัติตัวของผู้หญิง ว่าควรสร้างคุณค่าให้ตัวเอง ไม่ใช่มอบตัวให้เขาง่าย ๆ ให้เซ็กส์เป็นรางวัล ไม่ใช่เขาชวนไปหาแล้วจะมีอะไรกันแล้วจบกันไป
สุดท้าย โค้ชกิ๊กยังพูดถึงความแตกต่างทางด้านฮอร์โมนระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งผู้หญิงมีฮอร์โมนที่เมื่อถึงจุดสุดยอดแล้วจะเกิดเป็นความรักความผูกพัน อยากอยู่กับคนรักโดยไม่มีเหตุผล ต่างกับผู้ชายที่เซ็กส์กับความรักแยกกัน ทำให้ผู้ชายสามารถมีเซ็กส์กับศัตรูเพื่อแก้แค้น หรือฆ่าเวลาก็ยังได้
สามารถอ่านบทความเต็ม ๆ ได้ที่ >> adaybulletin.com
เสียงวิจารณ์สนั่น มองผู้หญิงเป็นแค่วัตถุทางเพศ เรือนร่างใคร คนนั้นตัดสินเอง
เมื่อบทความดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปนั้นก็มีคนเข้ามาคอมเมนต์มากมาย ทั้งจากฝั่งผู้ชายและผู้หญิง บางคนมองว่า บทความนี้ประเมินค่าผู้หญิงจากอวัยวะเพศและการใช้งาน มองว่าผู้หญิงเป็นเพียงสิ่งของ เป็นวัตถุทางเพศ ผูกคุณค่าการตัดสินใจมีเซ็กส์ไว้กับคุณค่าความเป็นมนุษย์ของผู้หญิงคนหนึ่ง และความคิดที่ให้ผู้หญิงทำตัวให้ยากเข้าไว้ เพื่อที่จะได้เหมาะสมกับการเป็นแม่ของลูกนั้น ยิ่งนับว่าเป็นความคิดที่ล้าหลัง ไม่ว่าเพศไหนก็สามารถปลดปล่อยความต้องการทางเพศได้ เมื่อต้องการและอีกฝ่ายยินยอม ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน ยุคนี้เป็นยุคที่ต้องสอนเรื่องเพศให้เด็ก ๆ ตั้งแต่อนุบาล ไม่ใช่แค่ป้องกันการถูกล่วงละเมิดอย่างเดียว แต่ยังครอบคลุมไปถึงการดูแลตัวเอง ป้องกันการตั้งครรภ์ นอกจากสอนเรื่องร่างกายแล้ว ก็ต้องสอนเรื่องจิตใจ ต่อให้ผู้หญิงคนนั้นโตแล้วทำอะไรก็ได้ตามใจที่ตัวเองปรารถนา เรื่องนี้ก็เตือนให้ข้อคิดที่ว่าถ้าคุณอยากได้ผลแบบไหนคุณก็ปฏิบัติอย่างนั้น มันไม่ใช่แค่เรื่องร่างกายเท่านั้นยังเป็นเรื่องของความรู้สึกที่ได้รับกลับมาด้วย จนถึงกับมีคนบอกว่า ถ้าไม่มีอวัยวะเพศหญิง ก็ไม่มีสิทธิ์คิดแทนผู้หญิง
และนอกจากจะมองว่าผู้หญิงเป็นวัตถุทางเพศแล้ว ฝั่งผู้ชายยังมองว่า บทความนี้ยังเป็นการดูถูกผู้ชายด้วยกันเองอีกต่างหากที่ไม่สามารถสร้างมิตรภาพกับผู้หญิงได้ การที่ผู้ชายชวนไปดูหนังที่บ้าน อาจจะไม่มีอะไรมากไปกว่าการทำความรู้จักกันให้มากขึ้น ให้เห็นว่าชีวิตความเป็นอยู่จริง ๆ แล้วเป็นอย่างไร ส่วนการที่ทั้งสองฝ่ายจะเกินเลยไปถึงขั้นไหน ก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมและการพูดคุยของทั้งคู่
บางคอมเมนต์ยังระบุอีกว่าในบทความเหมือนเป็นการเอาความคิดของคนคนเดียวมาบอกว่าเป็นความคิดของผู้ชายทั้งหมด แต่ถ้าบอกว่าเป็นความคิดของโค้ชกิ๊กคนเดียวก็อาจจะเข้าใจได้ แต่บทความนี้เหมือนเหมารวมว่าผู้ชายคิดแบบนี้กันทั้งหมด เอาอะไรมาวัดว่าผู้ชายทุกคนคิดแบบนี้จริง ๆ อีกอย่าง ความรักไม่ใช่เรื่องของการคุมเกม ความรักไม่ใช่ธุรกิจที่จะมีฝ่ายได้ฝ่ายเสีย
ด้านแอดมินเพจดังอย่าง Drama Addict ได้แสดงทัศนะต่อบทความดังกล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นผู้ชายยังรู้สึกแปลก ๆ กับบทความนี้ พร้อมระบุข้อเท็จจริงว่าสมองของผู้ชายไม่ได้ทำงานแยกซีกแบบที่โค้ชกิ๊กว่ามา
ความรักประกอบจากหลายปัจจัยส่วนหนึ่งมาจาก ฮอร์โมนและสารสื่อประสาทในสมอง มีทฤษฎีหนึ่งว่าด้วยความรักที่มาจากสามองค์ประกอบ เช่น ความไคร่ (lust) ความหลงใหล ความเสน่หา (attraction) ความผูกพัน (attachment) ซึ่งมีฮอร์โมนและสารสื่อประสาทหลายตัวมากที่ทำงานเกี่ยวข้องกับกลไกเหล่านี้ แถมยังมีปัจจัยทางสังคม ประสบการณ์ของแต่ละคน ทำให้พฤติกรรมทางเพศและความรักของแต่ละคนแตกต่างกัน
การจะบอกว่า
ผู้ชายเป็นแบบนี้ ผู้หญิงเป็นแบบนั้น สมัยนี้เราไม่พูดกันแบบนั้นแล้ว
เพราะแม้แต่เพศเดียวกันก็มีความแตกต่างในมุมมองเกี่ยวกับเซ็กส์และความรักที่แตกต่างกันมาก
ๆ ตามปัจจัยที่ว่ามา
ภาพจาก Drama Addict













