อดีตกัปตันแหกสายการบิน เกือบตายยกลำปมน้ำมันไม่พอ เน้นปลอดภัยทำโดนประเมินต่ำ

            กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นสมัยที่ยังทำงานกัปตันไม่นาน ต้องบินเที่ยวบิน กรุงเทพฯ - กวางเจา มีน้ำมันสำรองอีก 30 นาที แต่ส่วนน้ำมันสำรองนั้นนักบินจะไม่สามารถแตะได้ เพราะหากใช้น้ำมันไปถึงจุดนั้นเสี่ยงที่จะเป็นเรื่องใหญ่อาจมีโทษถึงติดคุก ซึ่งเมื่อไปถึงกวางเจา พยากรณ์อากาศบอกว่าแจ่มใส แต่ความจริงคือมีพายุเข้า ไม่มีน้ำมันพอให้วนรอพายุซาลง เพราะเติมมาแค่เกณฑ์ขั้นต่ำ เมื่อตัดสินใจพยายามลงจอดแต่ก็เจอฝนสาดใส่จนมองไม่เห็นสนามบิน จึงต้องนำเครื่องขึ้นและตัดสินใจจะไปจอดที่ฮ่องกงแทนเพื่อหลบพายุ

           อย่างไรก็ดี ระหว่างที่กำลังบินไปฮ่องกง เพื่อนนักบินถึงกับตกใจร้องออกมาสุดเสียงเมื่อพบว่าน้ำมันไม่พอ จึงบอกไปว่าจะไม่พอได้อย่างไรเพราะเติมน้ำมันมาตามกำหนดทุกอย่าง และยังไม่ได้บินวนรอจนสิ้นเปลืองน้ำมันอะไรด้วยซ้ำ ก่อนที่ต่อมาจึงตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางไปจอดที่มาเก๊าซึ่งใกล้กว่า แต่พอไปถึงก็ยังพบว่าต้องเสี่ยงอีกเพราะก็มีพายุเข้าเหมือนกัน นอกจากนี้สนามบินยังเป็นแบบเก่าที่นักบินต้องสังเกตไฟนำร่องไปสนามบินเองอีกด้วย

           เมื่อลดระดับลงไปมองแทบไม่เห็นอะไรมาก จนต้องลงไปเรื่อย ๆ ถึงระดับ 900 ฟุต จึงเห็นไฟกะพริบลาง ๆ แต่กลับกลายว่าเป็นไฟของกาสิโน จึงต้องปลดออโต้ไพลอตหักมุมเลี้ยวเอง ขณะกำลังจะลงระบบก็แจ้งอีกว่าน้ำมันในปีกระดับต่ำแล้ว จึงต้องลงจอดให้ได้อย่างเดียว ซึ่งวันนั้นถือว่าโชคดีมากที่ลงจอดได้อย่างปลอดภัย

           ต่อมาได้เขียน Air safety report ส่งไปว่าทำไมน้ำมันจึงไม่พอทั้งที่ไม่มีการรั่วใด ๆ ไม่ได้บินวนรอใด ๆ บินตามแผนการบินทุกอย่าง ผลสอบสวนสรุปมาว่า สำนักงานภาคพื้นดินที่เตรียมแผนการบินโดยคอมพิวเตอร์ถูกสั่งให้คิดน้ำมันไปยังสนามบินสำรอง (ฮ่องกง) โดยลากเส้นไปตรง ๆ จากกวางเจาไปฮ่องกง ซึ่งพอได้รู้ความจริงก็ตกใจมาก เพราะการบินจริงไม่สามารถบินไปตรง ๆ แบบนั้นได้ ต่อให้ทำได้ก็ต้องไปวนรอคิวจอดที่ฮ่องกง ซึ่งน้ำมันก็ไม่พออยู่ดี

           ส่วนสถานการณ์หลังจากนั้น ด้วยความที่เลือกบินแต่เที่ยวบินไม่ไกลไทยมากเพราะมีงานอีกบทบาทคือต้องทำหน้าที่หมอด้วย ทำให้จะได้ไปแต่ประเทศที่สภาพอากาศไม่สวยหรูนัก การรอจอดอาจจะนานด้วย ส่งผลให้กัปตันต้วงต้องขอน้ำมันเกินเกณฑ์ไปอยู่เสมอเพื่อความปลอดภัย เพราะใช้น้ำมันตามเกณฑ์ที่กำหนดแล้วไม่พอที่จะไปสนามบินสำรองจนเกือบตกทะเลตายยกลำ มองว่ากัปตันมีดุลยพินิจสั่งน้ำมันเพิ่มแต่ละเที่ยวบินเพื่อความปลอดภัย  แต่กลับถูกประเมิน 1.13/10 จากการสั่งน้ำมันดังกล่าว

           โดยสรุปแล้วแม้จะได้รับการประเมินที่ต่ำมากในเรื่องการสั่งน้ำมัน แต่กัปตันต้วงก็ไม่ได้ถึงเกณฑ์จะต้องโดนคัดออก อย่างไรก็ดี เขาตัดสินใจลาออกเอง และเลือกเล่าเรื่องเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้ถูกประเมินคนอื่น ๆ ที่อาจจะไม่ได้มีอาชีพอื่นรองรับเช่นเดียวกับเขา ดังนั้น จึงคิดว่าไม่เป็นธรรมกับกัปตันดี ๆ คนอื่น ๆ ที่ต้องถูกตัดสินเพราะเกณฑ์แบบนี้ขององค์กร ยืนยันไม่มีวันกลับไปทำงานที่นั่นกับคนเหล่านั้นอีกแล้ว

           หลังจากเรื่องราวนี้ถูกเผยแพร่ออกได้มีการแชร์ออกไปจำนวนมากกว่า 4 หมื่นครั้ง ซึ่งพบว่ามีบุคลากรด้านการบินออกมาแชร์ประสบการณ์เคยเสี่ยงตายเพราะน้ำมันไม่พอมาแล้วเช่นกัน

           ล่าสุด พบว่ามีอีกแง่มุมจากกัปตันในสายการบินออกมาปกป้ององค์กร ใจความว่า การบินไทยมีน้ำมันเผื่อในละเที่ยวบินในระดับสูงอยู่แล้ว คนที่ได้รับการประเมินสูงนั้นก็มีการสั่งเผื่อมากถึง 40% ก็มี แต่กลุ่มที่คะแนนต่ำคือสั่งถึง 90% ซึ่งถือว่าสิ้นเปลือง ส่วนเหตุการณ์ที่เล่ามานั้น หลังเกิดเรื่องก็มีการแก้ไขมาหลายปีแล้ว ซึ่งหน้าที่ของกัปตันก็ถูกจ้างมาแพง ๆ เพื่อให้รับมือกับสถานการณ์เหล่านี้ ยืนยันว่ากว่า 60 ปี ไม่เคยมีอุบัติเหตุที่เกิดจากน้ำมันหมดแต่อย่างใด จึงอยากขอความเป็นธรรมให้บริษัทด้วย