ดราม่าอาจารย์ มช. ออกตัวไฝว้คณบดี ปมเก็บงาน นศ. ใส่ถุงดำ ฟาดใส่ เฮ้ย...อย่าปอด !

นักศึกษาจัดแสดง-ทำผลงาน ด้านฝ่ายคณบดีพาคนมายึด

           เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2564 เมื่อกลุ่มคณบดีและรองคณบดี คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมกับเจ้าหน้าที่จากหอศิลป์ ได้เข้ามายึดผลงานศิลปะของนักศึกษา และบอกว่ามีการใช้พื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต จากนั้นก็เอาผลงานของนักศึกษาใส่ถุงดำ และเอาขึ้นรถกระบะ นักศึกษาจึงพากันประท้วงและพยายามเอาของคืน บอกว่าหากเอาของไปโดยไม่มีการแสดงบัตร แบบนี้ไม่ต่างกับการลักทรัพย์


           อย่างไรก็ตาม นักศึกษาคนหนึ่ง ได้ประท้วงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยการนอนขวางรถ ไม่ให้เอาผลงานของนักศึกษาออกไป จนทางทีมงานของคณบดีต้องเปิดประตูลงมาเจรจา จึงทำให้นักศึกษาได้เวลาพูดคุยกับอาจารย์ และบอกว่า ถ้าจะมายึดก็ต้องมีหนังสือมาชี้แจง ลงลายเซ็นคนที่เกี่ยวข้อง ต้องมีลายลักษณ์อักษรชัดเจน ไม่ใช่ว่าจะมาถึงแล้วมายึดของไป ด้านกลุ่มอาจารย์พยายามบอกว่าให้นักศึกษาออกไป เพราะอาจารย์ก็มีสอนต่อ และฝั่งกลุ่มอาจารย์ก็บอกว่าจะเอาของไปไว้ที่ห้อง อยากได้ค่อยไปเคลียร์กันอีกรอบ


นักศึกษาคณะนิติศาสตร์เข้ามาช่วยเคลียร์ โดนอาจารย์บอก ผมจะคุยกับลูกศิษย์ของผม

           จากนั้น นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ช่วยเข้ามาเคลียร์ในเรื่องนี้ แต่ถูกรองคณบดีบอกว่า ตนอยากจะคุยกับนักศึกษาคณะตัวเอง ไม่คุยกับนักศึกษาต่างคณะ ซึ่งนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ก็บอกว่า คนทุกคนมีสิทธิ์ที่จะรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น การจะเอาของไปเฉย ๆ แบบนี้ก็ไม่ต่างจากการวิ่งราว อาจารย์จึงบอกว่ามาดูพื้นที่

การปรากฏตัวของอาจารย์ทัศนัย ฟาดจนวงแตก ที่มาวาทกรรม อย่ามาใช้ภาษาอำมาตย์

           ต่อมา ผศ.ทัศนัย เศรษฐเสรี ได้เข้ามาสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น และเข้าไปบอกว่า กลุ่มนักศึกษานี้ เป็นกลุ่มนักศึกษาที่ตนสอน พร้อมกับเรียกรองคณบดีมาสั่งสอนว่า เป็นศิลปิน ต้องไม่เป็นเจ้านายใคร และไม่เป็นขี้ข้าใคร จนนักศึกษาปรบมือกันเกรียวกราว

           ด้านอาจารย์ทัศนัยพูดต่อว่า ผลงานของนักศึกษาเพิ่งแสดงวิทยานิพนธ์เสร็จ แล้วยูเป็นใคร เป็นนักการภารโรงเหรอถึงมาเก็บกวาดให้เขา น่าอายไหม ทำไมกระจอกตั้งแต่เด็กจนโต ไหนบอกตำแหน่งมาว่ารองคณบดีฝ่ายไหน เรียกพี่ทัศ อย่าเรียกทัศนัย ปีนเกลียวเหรอ !

           จะคุยกันแบบไหน คุยกันแบบอาจารย์ คุยกันแบบศิลปิน หรือคุยกันแบบรุ่นพี่รุ่นน้อง เอาแบบไหน อย่าทำแบบนี้อีก ศิลปะอับอายมามากพอแล้ว

           นักศึกษาเพิ่งแสดงงานวิทยานิพนธ์เสร็จ บางวิชายังไม่ปิดเซค อยากเก็บไปเก็บที่บ้าน ถ้าอะไรที่มันรกหูรกตา เป็นหน้าที่อะไรของคณบดีเหรอที่ต้องมาเดินเก็บขยะ อันนั้นไม่เรียกว่าเคลียร์งาน เขาเรียกเอางานไปทิ้ง


           จากนั้น มีคนที่แต่งกายคล้ายตำรวจได้เข้ามา ผศ.ทัศนัย ก็เข้ามาถามว่า ถ้าเกิดมีลูกหลานวางหนังสืออยู่ และครูใหญ่มากวาดเอาหนังสือไป เพราะบอกว่ารกหูรกตา แบบนี้จะยอมไหม จากนั้นเด็กคณะนิติศาสตร์ก็บอกว่า ถ้านักศึกษาคณะนิติศาสตร์ไม่มีที่เรียน ก็ไปเรียนตึกคณบดี และหากนักศึกษาวิจิตรศิลป์ไม่มีที่ทำงานศิลปะ ก็ไปทำงานศิลป์ที่หน้าตึกคณบดีจะดีไหม

           ผศ.ทัศนัย จึงพูดอีกว่า คนเราอยากมักใหญ่ใฝ่สูง มีอำนาจ เป็นกันทุกคน แต่หากห้ามใจไม่ได้ ก็ไม่ต่างจากหมา คณบดีอยู่ไหน อยากได้ยินคำนี้จากคณบดี (คณบดีกลับไปแล้วครับ) ถ้าจะเอาสังคมแห่งความเป็นลำดับชั้น เรียกผมว่าปู่ได้เลยนะ ผมเกิดมา 5,000 ปีแล้ว อย่ามาใช้ภาษาอำมาตย์

           จากนั้น ทางกลุ่มคณบดีได้ถอยและเอาผลงานของนักศึกษาลงจากรถ แต่ยังคงอยู่ในถุงดำ ซึ่งทางกลุ่มนักศึกษาไม่ยอม ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อคณบดี รองคณบดี และพวก ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

อาจารย์ทัศนัย ตามไปฟาดต่อในเฟซบุ๊ก คนแห่คอมเมนต์ตรึม

           จากนั้น ผศ.ทัศนัย ได้เข้าไปร่วมฟาดต่อในเฟซบุ๊ก ว่า "ลูกสาวศิลปินแห่งชาติ หมาสลิ่มเฝ้าหอศิลป์ รวมทั้งไอ้กระจอกตั้งแต่เป็นเด็กศิลปะจนโตเป็นควายศิลปิน พาตำรวจเข้าไปเก็บงานศิลปะของนักศึกษา

           ไอ้พวกเหี้_นี่สร้างภาพศิลปะจรรโลงจิตใจ แต่ต่ำทรามแบบหาชื่อเรียกยังไม่ได้"


           นอกจากนี้ ยังมีภาพของอาจารย์ทัศนัยที่นั่งอยู่หน้าผลงานศิลปะของตัวเอง ชูนิ้วกลาง และกล่าวขอบคุณทุกความห่วงใยที่มอบให้ และกล่าวว่ายังมีเยาวชนจำนวนหนึ่งที่ถูกกล่าวหา ถูกคุมขัง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะใช้กำลังกายกำลังใจที่มี ช่วยเหลือพวกเขา