ศาลปกครองกลาง พิพากษาให้ บุญทรง พร้อมพวก ชดใช้ทุจริตจำนำข้าวร่วม 1.5 หมื่นล้าน กรณีจีทูจีปลอมทุจริตจำนำข้าววนกลับมาขายในประเทศ ชี้ชัดจงใจทุจริต ทำกระทรวงพาณิชย์เสียหาย
ภาพจาก สำนักข่าวไทย
ภาพจาก สำนักข่าวไทย
ภาพจาก สำนักข่าวไทย
วันที่ 29 มีนาคม 2564 One31 รายงานว่า ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษายกฟ้อง คดีที่นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ผู้ฟ้องที่ 1 นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีต ผอ.สำนักบริหารการค้าข้าว กรมการค้าต่างประเทศ และอดีตผู้ช่วยเลขานุการในคณะทำงานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว ผู้ฟ้องที่ 2 นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้ฟ้องที่ 4 และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้ฟ้องที่ 5 ยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง และขอให้ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงพาณิชย์ ที่สั่งให้ทั้งหมดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกรณีกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ทุจริตโครงการรับจำนำและระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี
โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่ากระบวนการออกคำสั่งที่ให้ชดใช้ค่าสินไหมและการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดชอบด้วยกฎหมายแล้ว และเปิดโอกาสให้มีการชี้แจงและโต้แย้งคดีตามสมควร รวมทั้งรับฟังพยานบุคคล เอกสารอื่น ๆ และไม่ปรากฏพบว่าคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ได้ปฏิบัติตามข้อคำสั่งของผู้หนึ่งผู้ใด
ส่วนของผู้ฟ้องที่ 3 คือ นายอัฐฐิติพงศ์ หรือ อัครพงศ์ ทีปวัชระ หรือ ช่วยเกลี้ยง อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ พบว่า ร่วมกระทำผิดเฉพาะสัญญาการซื้อ-ขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐฉบับที่ 3 และ 4 เท่านั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉบับที่ 1 และ 2 จึงให้รับผิดชอบค่าสินไหมทดแทนร้อยละ 10 ของค่าเสียหาย และให้เพิกถอนคำสั่งของกระทรวงพาณิชย์เฉพาะในส่วนที่เรียกให้ชดใช้ค่าเสียหายเกินกว่าข้อเท็จจริงจำนวน 2,694 ล้านบาทเศษ
ภาพจาก สำนักข่าวไทย
ทั้งนี้ ศาลระบุว่า สาระสำคัญในการทำสัญญาขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ กำหนดให้ต้องขายข้าวให้กับหน่วยงานของรัฐหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลของแต่ละประเทศเท่านั้น แต่ข้อเท็จจริงกลับพบว่า บริษัท กวางตุ้ง และบริษัท ไห่หนาน ที่ร่วมทำสัญญาจีทูจีนั้นเป็นรัฐวิสาหกิจ ไม่ใช่ตัวแทนของรัฐบาลจีน และยังพบว่าไม่มีการส่งข้าวออกไปตามที่ได้ทำสัญญาไว้ แต่กลับมีการทุจริตนำข้าวมาเวียนขายในประเทศ ซึ่งการกระทำของผู้ฟ้องทั้ง 5 คน ถือเป็นการจงใจกระทำต่อบุคคลอื่น เป็นเหตุทำให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับความเสียหายกว่า 2 หมื่นล้านบาท ดังนั้น คำสั่งกระทรวงพาณิชย์ที่ให้ผู้ฟ้องที่ 1, 2, 4 และ 5 ต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนร้อยละ 20 ของค่าเสียหาย จึงถือว่าเหมาะสมและเป็นธรรมแล้ว ส่วนผู้ฟ้องคดีที่ 3 ให้รับผิดในค่าเสียหายร้อยละ 10
ทำให้นายมนัสต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จำนวน 4,011 ล้านบาทเศษ นายทิฆัมพร จำนวน 4,011 ล้านบาทเศษ นายอัฐฐิติพงศ์ จำนวน 2,694 ล้านบาท นายภูมิ จำนวน 2,242 ล้านบาท และนายบุญทรง จำนวน 1,768 ล้านบาท รวมแล้ว 5 คน 14,726 ล้านบาท โดยผู้ฟ้องคดีทั้ง 5 คนยังสามารถยื่นร้องอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดได้ภายใน 30 วัน
ขอบคุณข้อมูลจาก One31