คนเมียนมานับพันคน ข้ามแม่น้ำสาละวิน หนีไปฝั่งไทย ในขณะที่บางส่วนหนีเข้าป่า พร้อมเผย แม่ฮ่องสอนเตรียมแผนรับมือผู้อพยพที่มาฝั่งไทย ยืนยันไม่มีการผลักดันกลับประเทศ
ภาพจาก HANDOUT / EI TU HTA COMMUNITY LEADERS / AFP
วันที่ 30 มีนาคม 2564 สำนักข่าวอิระวดี รายงานว่า ชาวกะเหรี่ยงในเมียนมา ต้องลี้ภัยอย่างเร่งด่วน หลังจากที่ทางการเมียนมาเปิดการโจมตีทางอากาศในจังหวัดปาปุน รัฐกะเหรี่ยงในเมียนมา
ทั้งนี้ ความขัดแย้งได้ทวีความรุนแรงอย่างมาก ระหว่างกลุ่มติดอาวุธกะเหรี่ยง KNU กับทางการของเมียนมา ซึ่งการโจมตีทางอากาศครั้งนี้ ทางองค์กรชาติพันธุ์กะเหรี่ยงเผยว่า มุ่งเป้าโจมตีไปที่ประชาชน ไม่ใช่กลุ่มกะเหรี่ยง KNU
ทั้งนี้ ความขัดแย้งได้ทวีความรุนแรงอย่างมาก ระหว่างกลุ่มติดอาวุธกะเหรี่ยง KNU กับทางการของเมียนมา ซึ่งการโจมตีทางอากาศครั้งนี้ ทางองค์กรชาติพันธุ์กะเหรี่ยงเผยว่า มุ่งเป้าโจมตีไปที่ประชาชน ไม่ใช่กลุ่มกะเหรี่ยง KNU
การปฏิบัติการโจมตีทางอากาศครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่กลุ่มกะเหรี่ยง KNU ได้ปิดกั้นเส้นทางการขนส่งเสบียงไปยังกองกำลังทหารเมียนมาที่อยู่ในเมืองปาปุน แม้ว่าทางกลุ่มกะเหรี่ยง KNU จะเซ็นสัญญาหยุดยิงกับทางการเมียนมาเมื่อปี 2015 ไปแล้วก็ตาม
ทั้งนี้ ความขัดแย้งของทางกลุ่มกะเหรี่ยงและกองทัพเมียนมาได้เริ่มต้นหนักขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากที่ทาง KNU ได้ประกาศสนับสนุนประชาชนในการต่อต้านรัฐบาลทหารที่เข้าทำรัฐประหาร เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 โดยในตอนนี้ มีประชาชนอย่างน้อย 3 คนที่เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 9 คน จากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ด้านนายเดวิด อูแบงก์ ประธานของกลุ่ม Free Myanmar Rangers กล่าวว่า มีชาวบ้านจำนวนมากในรัฐคะฉิน กะเหรี่ยง และรัฐฉาน จำเป็นต้องลี้ภัยภายหลังการโจมตีทางการทหาร "ความสามารถของกองทัพเมียนมาเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ หลังได้รับความช่วยเหลือจากรัสเซียและจีน รวมถึงชาติอื่น ๆ และนี่กำลังเป็นหายนะอย่างใหญ่หลวง"
จังหวัดปาปุน เป็นหนึ่งในพื้นที่ดั้งเดิมของชาวกะเหรี่ยง และเป็นที่ตั้งของสวนสาละวิน ซึ่งเป็นสถานที่อยู่ของสัตว์ป่า พันธุ์พืช พันธุ์ไม้จำนวนมาก ที่ใกล้จะสูญพันธุ์
ภาพจาก AFP PHOTO / EI TU HTA COMMUNITY LEADERS
ด้านบีบีซีไทย รายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองของไทย ยอมรับว่า มีผู้อพยพจากเมียนมาข้ามฝั่งมาที่ไทยผ่าน อ.แม่สะเรียง และ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน จริง โดยเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ของไทยได้เข้าไปดูแล และป้องกันการเคลื่อนย้าย ซึ่งในวันที่ 30 มีนาคม นี้ ทางผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน จะแถลงข่าวถึงแผนรับมือผู้อพยพต่อไป
ด้านนายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ทางจังหวัดได้เตรียมความพร้อมในเรื่องการรับผู้ลี้ภัยไว้แล้ว ซึ่งตอนนี้เข้ามายังจุดแรกรับ และกองกำลังนเรศวรได้เข้าไปควบคุมดูแลเบื้องต้น และจากนี้ไปจะเป็นการสอบสวน หากสอบสวนแล้วพบว่า ผู้อพยพตื่นตระหนก ก็จะให้กลับเข้าไปในเมียนมาในเขตที่อยู่อาศัยเดิม แต่หากผู้อพยพได้รับผลกระทบเสี่ยงต่อชีวิต ทางเราก็จะดูแลระยะหนึ่งตามมนุษยธรรม ซึ่งในขณะนี้ ผู้อพยพยังอยู่ในความดูแลของทหารบริเวณตะเข็บชายแดน ยังไม่ได้เข้ามาในพื้นที่ชั้นใน
ด้าน นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้ยืนยันว่า ทางการไทยไม่เคยผลักดันผู้อพยพกลับประเทศ ฝ่ายไทยยังคงยืนยันที่จะให้การดูแลผู้ที่ข้ามชายแดนมาอยู่ฝั่งไทยแล้ว และยังคงประเมินสถานการณ์และความต้องการในพื้นที่ต่อไป
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN
