เปิดความหมายและที่มาฉลองพระองค์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสื้อปั๊ดผ้าไหมมัดหมี่ ลายขอปลี เครื่องแต่งกายชนชาวไท เป็นเอกลักษณ์ของชาวล้านนา
วันที่ 30 มีนาคม 2564 แฟนเพจ Her Majesty Queen Suthida Fanpage ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ฉลองพระองค์ที่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงสวมครั้งเสด็จฯ ไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิดอาคารที่ทำการศาลจังหวัดพิจิตร โดยสวมฉลองพระองค์ (เสื้อปั๊ด) ผ้าไหมมัดหมี่ ลายขอปลี มรดกทางภูมิปัญญาเครื่องแต่งกายชนชาวไท
เสื้อปั๊ด หากจะขยายความ ปั๊ด หรือ ป้าย น่าจะมีรากมาจากการที่ต้อง ปั๊ด หรือ ป้าย เฉียงมาผูกไว้ข้างเอว นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกอื่นอีก ซึ่งขึ้นอยู่กับท้องถิ่นของผู้นุ่ง เช่น เสื้อปั๊ดจ้าง หรือ เสื้อแขบ หรือ เสื้อป้ายข้าง เสื้อปั๊ด เป็นลักษณะรูปแบบเสื้อแขนยาว สาบเสื้อสองเฉียงด้านเกยทับกัน มีเชือกสำหรับมัดที่ปลายสาบเสื้อทั้งสองข้าง มักตัดให้เข้ารูปพอดีตัว บริเวณไหล่ต่อแขนตรง เมื่อมองเผิน ๆ คล้ายกับเสื้อฮันบกของเกาหลี หรือกิโมโนญี่ปุ่นแบบตัดให้รัดรูป
เสื้อลักษณะนี้ ชาวไทเรียกว่า "เสื้อปั๊ด" หรือ "เสื้อป้าย" เป็นรูปแบบที่นิยมกันมากในชนชาวไทลื้อ ในสิบสองปันนา ไทยและลาว ชาวไทเขินแห่งเมืองเชียงตุง ประเทศพม่า ชาวลาวผู้ดีแห่งเมืองหลวงพระบาง นอกจากนี้ยังพบในกลุ่มไทยวนแห่งเมืองน่าน และเมืองเชียงใหม่อีกด้วย อาจจะกล่าวได้ว่า เป็นเอกลักษณ์ของชาวล้านนาก็ว่าได้
เสื้อปั๊ดนั้นถือกำเนิดขึ้นเมื่อใด ยังไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัด แต่อาจเป็นไปได้ว่าชนชาวไทลื้อ สิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ได้รับรูปแบบเสื้อดังกล่าวมาจากชาวจีนมายาวนานหลายร้อยปีแล้ว ก่อนที่ความนิยมดังกล่าวจะแพร่หลายลงสู่ดินแดนตอนใต้ ทำให้พบในกลุ่มไทยวนแห่งล้านนาและชาวลาวแห่งอาณาจักรล้านช้างด้วย
เสื้อปั๊ดได้รับความนิยม ในชนชาวไทกลุ่มต่าง ๆ แต่ก็มีการทำไปใช้ในลักษณะแตกต่างกัน เช่น เสื้อปั๊ดแบบชาวไทลื้อ มักตัดจากผ้าสีดำหรือสีครามตกแต่งด้วยแถบกุ๊นผ้าหลากสีและริบบิ้นจีน ส่วนชาวไทเขินจะตัดจากผ้าพื้นสีเรียบไม่ตกแต่งมาก ชาวไทลาวเน้นการตกแต่งเป็นพิเศษบริเวณคอเสื้อด้วยการปักไหมเงินไหมทองให้เป็นลวดลายวิจิตร ในขณะที่ชาวไทยวนจะตัดให้มีตัวหลวมโคร่ง สำหรับสวมใส่ในฤดูหนาว ซับในด้วยผ้าสีแดง ที่เรียกกันว่า เสื้อก๊บหลองในแดง
![ฉลองพระองค์ พระราชินี ฉลองพระองค์ พระราชินี]()
ภาพจาก สำนักประชาสัมพันธ์เขต 4 กรมประชาสัมพันธ์
![ฉลองพระองค์ พระราชินี ฉลองพระองค์ พระราชินี]()
ภาพจาก สำนักประชาสัมพันธ์เขต 4 กรมประชาสัมพันธ์
![ฉลองพระองค์ พระราชินี ฉลองพระองค์ พระราชินี]()
ภาพจาก สำนักประชาสัมพันธ์เขต 4 กรมประชาสัมพันธ์
ขอบคุณข้อมูลจาก Her Majesty Queen Suthida Fanpage
วันที่ 30 มีนาคม 2564 แฟนเพจ Her Majesty Queen Suthida Fanpage ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ฉลองพระองค์ที่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงสวมครั้งเสด็จฯ ไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิดอาคารที่ทำการศาลจังหวัดพิจิตร โดยสวมฉลองพระองค์ (เสื้อปั๊ด) ผ้าไหมมัดหมี่ ลายขอปลี มรดกทางภูมิปัญญาเครื่องแต่งกายชนชาวไท
เสื้อปั๊ด หากจะขยายความ ปั๊ด หรือ ป้าย น่าจะมีรากมาจากการที่ต้อง ปั๊ด หรือ ป้าย เฉียงมาผูกไว้ข้างเอว นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกอื่นอีก ซึ่งขึ้นอยู่กับท้องถิ่นของผู้นุ่ง เช่น เสื้อปั๊ดจ้าง หรือ เสื้อแขบ หรือ เสื้อป้ายข้าง เสื้อปั๊ด เป็นลักษณะรูปแบบเสื้อแขนยาว สาบเสื้อสองเฉียงด้านเกยทับกัน มีเชือกสำหรับมัดที่ปลายสาบเสื้อทั้งสองข้าง มักตัดให้เข้ารูปพอดีตัว บริเวณไหล่ต่อแขนตรง เมื่อมองเผิน ๆ คล้ายกับเสื้อฮันบกของเกาหลี หรือกิโมโนญี่ปุ่นแบบตัดให้รัดรูป
เสื้อลักษณะนี้ ชาวไทเรียกว่า "เสื้อปั๊ด" หรือ "เสื้อป้าย" เป็นรูปแบบที่นิยมกันมากในชนชาวไทลื้อ ในสิบสองปันนา ไทยและลาว ชาวไทเขินแห่งเมืองเชียงตุง ประเทศพม่า ชาวลาวผู้ดีแห่งเมืองหลวงพระบาง นอกจากนี้ยังพบในกลุ่มไทยวนแห่งเมืองน่าน และเมืองเชียงใหม่อีกด้วย อาจจะกล่าวได้ว่า เป็นเอกลักษณ์ของชาวล้านนาก็ว่าได้
เสื้อปั๊ดนั้นถือกำเนิดขึ้นเมื่อใด ยังไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัด แต่อาจเป็นไปได้ว่าชนชาวไทลื้อ สิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ได้รับรูปแบบเสื้อดังกล่าวมาจากชาวจีนมายาวนานหลายร้อยปีแล้ว ก่อนที่ความนิยมดังกล่าวจะแพร่หลายลงสู่ดินแดนตอนใต้ ทำให้พบในกลุ่มไทยวนแห่งล้านนาและชาวลาวแห่งอาณาจักรล้านช้างด้วย
เสื้อปั๊ดได้รับความนิยม ในชนชาวไทกลุ่มต่าง ๆ แต่ก็มีการทำไปใช้ในลักษณะแตกต่างกัน เช่น เสื้อปั๊ดแบบชาวไทลื้อ มักตัดจากผ้าสีดำหรือสีครามตกแต่งด้วยแถบกุ๊นผ้าหลากสีและริบบิ้นจีน ส่วนชาวไทเขินจะตัดจากผ้าพื้นสีเรียบไม่ตกแต่งมาก ชาวไทลาวเน้นการตกแต่งเป็นพิเศษบริเวณคอเสื้อด้วยการปักไหมเงินไหมทองให้เป็นลวดลายวิจิตร ในขณะที่ชาวไทยวนจะตัดให้มีตัวหลวมโคร่ง สำหรับสวมใส่ในฤดูหนาว ซับในด้วยผ้าสีแดง ที่เรียกกันว่า เสื้อก๊บหลองในแดง

ภาพจาก สำนักประชาสัมพันธ์เขต 4 กรมประชาสัมพันธ์

ภาพจาก สำนักประชาสัมพันธ์เขต 4 กรมประชาสัมพันธ์

ภาพจาก สำนักประชาสัมพันธ์เขต 4 กรมประชาสัมพันธ์
ขอบคุณข้อมูลจาก Her Majesty Queen Suthida Fanpage