กรมศุลกากรเอาจริง จ่อเก็บภาษีสินค้านำเข้าราคาต่ำกว่า 1,500 บาท เพื่อเพิ่มความเท่าเทียมให้กับ SME ไทย หลังก่อนหน้านี้โดนวิจารณ์เรื่องขโมยสินค้านำเข้าประชาชนกับคิดภาษีแพงเกินจริง จนมี #ศุลกากรหรือซ่องโจร
ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ประเด็นฮอตในโลกอินเทอร์เน็ตอีกเรื่องหนึ่งก็คือเรื่องที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่า กรมศุลกากรมีการขโมยสินค้านำเข้าของประชาชน รวมถึงมีการคิดภาษีที่แพงเกินจริงหรือไม่ จนมีแฮชแท็ก #ศุลกากรหรือซ่องโจร โดยภายหลังศุลกากรได้ออกมาชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง
อ่านข่าว : กรมศุลกากร แจงดราม่าร้อน ปัดขโมยสินค้า - คิดภาษีแพงเกิน ย้ำประเมินภาษีตามหลักสากล
ขณะเดียวกัน วันที่ 31 มีนาคม 2564 ไทยโพสต์ รายงานว่า นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สั่งให้กรมศุลกากร เร่งศึกษาแนวทางลดผลกระทบต่อเอสเอ็มอีไทย กรณีที่มีการยกเว้นจัดเก็บภาษีนำเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ให้กับสินค้าที่ส่งมาจากต่างประเทศและมีราคาต่ำกว่า 1,500 บาท เพื่อทำให้เอสเอ็มอีไทยสามารถต่อสู้ได้ ที่ผ่านมาสินค้าในประเทศที่ผลิตเองจะเสียภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่แล้ว แต่สินค้าที่นำเข้าทางไปรษณีย์หากราคาไม่ถึงเกณฑ์จะได้รับการยกเว้นภาษีทั้งหมด
นอกจากนี้ ช่วงหลังมีผู้บริโภคนำเข้าสินค้าในราคาที่ต่ำกว่า 1,500 บาทมากขึ้น จึงได้รับการยกเว้นภาษี ทางกรมศุลกากรจึงศึกษาว่ามีช่องทางใดบ้างที่สามารถเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มกับสินค้าที่มีการส่งทางพัสดุจากต่างประเทศ ทำให้เกิดความเท่าเทียมกัน เบื้องต้นอาจจะใช้มาตรการที่ไม่ใช่ภาษีหรือใช้กฎหมายในประเทศ
สำหรับสถิติการนำเข้าพัสดุจากต่างประเทศ อยู่ที่ 35 ล้านกล่องต่อปี คิดมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท โดยมีถึง 24 ล้านกล่องที่ราคาต่ำกว่า 1,500 บาท หากมีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม จะทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มอีก 700 ล้านบาท อาจจะไม่มากถ้าเทียบกับรายได้กรมศุลกากรที่ 1 แสนบาท แต่ประเด็นสำคัญคือเพิ่มความเท่าเทียมในการแข่งขันกับเอสเอ็มอีไทย สามารถขายสินค้าได้มากขึ้น เพราะที่ผ่านมาพบว่า คนไทยมักสั่งซื้อสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศ และให้ส่งไปรษณีย์เข้ามา เนื่องจากมีต้นทุนถูกกว่าแล้วไม่ต้องเสียภาษี
