x close
hilight > ข่าวต่างประเทศ

จากปากผู้รอดชีวิต ย้อนเล่าเหตุเครื่องบินตกบนเขาแอนดีส ต้องกินเนื้อคน ระหว่างรอปาฏิหาริย์

| 21,123 อ่าน

    

            ผู้รอดชีวิตย้อนเล่าความทรงจำ ต้องกินเนื้อคน จากศพเพื่อนพ้อง กว่าจะเกิดปาฏิหาริย์ใน 72 วันต่อมา หลังเครื่องบินตกบนเทือกเขาแอนดีส

 

          นับเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ภัยพิบัติทางการบินที่เป็นข่าวดังไปทั่วโลก สำหรับเหตุเครื่องบินตกบริเวณเทือกเขาแอนดีส ขณะที่เครื่องบินเช่าเหมาลำของกองทัพอากาศอุรุกวัยกำลังนำคณะนักกีฬาและครอบครัว เดินทางไปยังประเทศชิลี เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2515 โดยอุบัติเหตุครั้งนั้นคร่าชีวิตคนบนเครื่องทันที 12 ศพ และในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาก็มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 5 ราย ก่อนที่อีก 1 รายจะเสียชีวิตในสัปดาห์ต่อมา

          แม้คนที่เหลือจะรอดมาได้แต่พวกเขาก็ยังต้องเผชิญกับสารพัดความโหดร้าย จากสภาพอากาศหนาวจัดและภูมิประเทศบนเทือกเขาสูง โดยพบว่า 17 วันหลังเครื่องบินตก ได้เกิดหิมะถล่มขึ้นจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 8 ราย ขณะที่อีก 16 คนที่เหลืออยู่จำต้องหาหนทางในการมีชีวิตอยู่ต่อให้ได้ กว่าปาฏิหาริย์และความช่วยเหลือจะมาถึง

          หนึ่งในเรื่องราวที่ถูกเล่าขาน คือหนทางการเอาชีวิตรอดของผู้คนที่เหลือที่ต้องกินเนื้อคน จากศพของเพื่อนพ้องที่เสียชีวิตไปก่อนหน้า ซึ่งล่าสุด (5 เมษายน 2564) โฮเซ่ หลุยส์ อินเซียร์เต หนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุเครื่องบินตกดังกล่าว ก็ได้ออกมาบอกเล่าความรู้สึกและประสบการณ์ในช่วงเวลาดังกล่าว ผ่านทางรายการ This Morning

          โดยข้อมูลจากเว็บไซต์ Lad Bible เผยว่า โฮเซ่ หลุยส์ ยอมรับว่าคนที่เหลืออยู่มีทางเลือกอยู่ไม่มาก พวกเขาจำเป็นต้องรักษาชีวิตไว้ แต่ถึงแม้ว่าเขาจะรอดชีวิตมาได้จากการกินเนื้อของเพื่อน ๆ ผู้ล่วงลับ แต่เหตุการณ์ในวันวานไม่ได้ตามมาหลอกหลอนเขาแต่อย่างใด

          เหตุการณ์ในคืนวันดังกล่าว ผู้รอดชีวิตต้องอดทนต่อสภาพอากาศหนาวจัด บนพื้นที่ที่มีหิมะปกคลุม พวกเขาเหลืออาหารอยู่เพียงน้อยนิด แถมข่าวร้ายก็มาเยือนซ้ำเมื่อพวกเขาได้ทราบข่าวจากวิทยุว่าปฏิบัติการค้นหาถูกยุติลงหลังเวลาผ่านไป 1 สัปดาห์กว่า ๆ นั่นทำให้พวกเขาบางคนตัดสินใจ ยอมเสี่ยงเดินทางออกไปหาความช่วยเหลือ ขณะที่คนอื่น ๆ รอคอยอยู่บนเทือกเขา

          จนเมื่ออาหารหมดลงก็เหลือตัวเลือกอันน้อยนิด สิ่งเดียวที่จะช่วยให้อยู่รอดต่อไปได้ก็คือการกินศพของเพื่อน ๆ ที่ถูกแช่เย็นอยู่ในหิมะ

          “มันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ถ้าคุณยังต้องการมีชีวิตอยู่ เราทั้งหมดประชุมกัน ถกเถียงกันว่าจะทำหรือไม่ทำ แต่การไม่ทำดูจะหมายถึงความตาย และเราทุกคนตัดสินใจที่จะกิน แม้เราจะเกลียดการตัดสินใจนั้นก็ตาม” โฮเซ่ หลุยส์ กล่าว

          เขาเผยต่อว่า “ตอนที่คุณไปนำชิ้นเนื้อจากศพของเพื่อน ร่างกายของพวกเขาจะถูกแช่แข็ง มือไม้ก็ไม่ยอมฟังคำสั่งของคุณ คุณต้องใช้แรงกายและแรงใจอย่างมากเพื่อทำให้มือยอมทำตามที่เราต้องการ จากนั้นมันก็ยอมทำตาม... แต่ก็ไม่ทันที”

          สำหรับความทรงจำในตอนนั้น โฮเซ่ หลุยส์ ชี้ว่า “มันเหมือนกับการเปิดปาก วางเนื้อในปาก แล้วก็กลืนลงไป”

          ทั้งนี้ ความช่วยเหลือมาถึงในวันที่ 72 ของการติดค้างอยู่บนเทือกเขา หลังคนที่ออกไปค้นหาความช่วยเหลือได้พบกับคนเลี้ยงสัตว์ชาวชิลี ที่ช่วยแจ้งทางการจนนำมาสู่ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้รอดชีวิต ซึ่ง โฮเซ่ หลุยส์ บอกว่า ส่วนใหญ่แล้วเขามักคิดตลอดเวลาว่าจะต้องได้ออกไปจากเทือกเขาแห่งนั้น เขามั่นใจในตัวเพื่อน ๆ ที่ออกไปค้นหาความช่วยเหลือมาก แต่ก็มีบางวันที่เลวร้าย ที่เขาคิดว่าคนเหล่านั้นอาจจะไปไม่ถึงที่หมายสักแห่ง

          ในขณะที่ประสบการณ์เหล่านี้อาจกลายเป็นฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนผู้รอดชีวิตได้ แต่ โฮเซ่ หลุยส์ ยืนยันว่าความน่ากลัวในวันวานไม่ได้ตามมาหลอกหลอนเขาแต่อย่างใด เขายังคงใช้ชีวิตตามที่ตัวเองจินตนาการไว้ และหากเกิดปัญหาอะไรขึ้นเขาก็จะนึกย้อนไปถึงเทือกเขาแอนดีส ซึ่งทำให้ปัญหาอื่น ๆ ดูเป็นเรื่องเล็กไปเลย แน่นอนว่ามันเป็นความทรงจำที่ช่วยเขาในยามยากลำบาก แต่ก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขาอีกต่อไป

          อนึ่ง สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2515 ยังถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง Alive ซึ่งผู้ที่รอดชีวิตรายนี้มองว่ารายละเอียดในภาพยนตร์นั้นมีทั้งสิ่งที่ถูกเติมแต่งขึ้นและสิ่งที่เป็นเรื่องจริง อย่างน้อย ๆ เขากับคนอื่น ๆ ก็ไม่เคยตกลงไปในหลุมหิมะ และเขาก็ไม่เคยเล่นกีตาร์มาก่อน ต่างจากคนที่แสดงเป็นเขาซึ่งมีกีตาร์อยู่กับตัวด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก Lad Bible 

 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
จากปากผู้รอดชีวิต ย้อนเล่าเหตุเครื่องบินตกบนเขาแอนดีส ต้องกินเนื้อคน ระหว่างรอปาฏิหาริย์ อัปเดตล่าสุด 6 เมษายน 2564 เวลา 11:55 21,123 อ่าน
TOP