อนุทิน ปัดเป็นตัวการขัดขวางเอกชนนำเข้าวัคซีน หลังสุทธิชัย หยุ่น แฉ ที่เบรกไปเพราะกลัวทำได้ดีกว่า รวมถึงวัคซีน 100 ล้านโดสก็จะเหลือด้วย
ภาพจาก ThaiPBS
จากกรณีที่หอการค้าไทยและซีอีโอ 40 บริษัทในไทย มีการประชุมร่วมกันเรื่องวัคซีนโควิด 19 และเห็นว่า จะมีการนำเข้าวัคซีนกันเอง เพื่อมาฉีดให้กับพนักงานของตัวเอง แต่ภายหลังก็มีการล้มดีลดังกล่าว ซึ่งนายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนชื่อดัง ได้มาเปิดเผยเบื้องหลังว่า คนที่ล้มดีลนี้คือ นายอนุทิน ชาญวีระกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพราะนายอนุทินกลัวเอกชนจะทำได้ดีกว่า
อ่านข่าว : สุทธิชัย เผยเบื้องหลังรัฐบาล เบรก 40 บริษัทเอกชนนำเข้าวัคซีนโควิด เหตุกลัวทำได้ดีกว่า
ล่าสุด วันที่ 3 พฤษภาคม 2564 เรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
กล่าวถึงกรณีที่ถูกสังคมออนไลน์วิจารณ์ว่า
มีส่วนขัดขวางไม่ให้เอกชนนำเข้าวัคซีนโควิด 19 ว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ตนไม่เคยพูด หน้าที่ตนคือ
จัดหาวัคซีนให้คนในประเทศไทย ส่วนเอกชนที่เข้ามาจัดหาวัคซีน
ตนก็ยินดีให้การสนับสนุนเต็มที่ เพราะวัคซีนเหลือดีกว่าขาด
ทั้งนี้ ตนเคยอยู่ภาคเอกชนมาก่อน ฉะนั้นเข้าใจความรู้สึกดี เข้าใจว่าภาคเอกชนมีความคล่องตัวและต้องการมาช่วยเหลือ ซึ่งแน่นอนว่า ฝ่ายรัฐก็พร้อมรับฟังทุกข้อเสนอ เอกชนรายไหนหาวัคซีนมาลงทะเบียนได้ ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบก็พร้อมตรวจสอบและขึ้นทะเบียนให้ทันที
สำหรับสาเหตุที่เรื่องนี้มีปัญหา มาจากเอกสารฉบับหนึ่ง ที่ระบุว่า รัฐบาลปฏิเสธเอกชนที่ต้องการช่วยเหลือนำเข้าวัคซีน โดยข้อความข้างในอ้างว่า เพราะรัฐบาลมีศักยภาพและความสามารถในการหาวัคซีนได้เพียงพอตามความเป้าแล้ว แต่ความเป็นจริงคือ รัฐไม่เคยห้ามเอกชนเลย
ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีการพูดคุยกับเอกชน ทั้งหอการค้า การธนาคาร และอุตสาหกรรม เปิดทางให้เอกชนหาวัคซีนได้เต็มที่ รัฐไม่ปิดกั้น แต่ถ้าหาไม่ได้ ก็ขอให้เอกชนสนับสนุนเรื่องอื่นไม่ว่าจะเป็นการเปิดให้ใช้สถานที่ รวมถึงการนำพนักงานมารับวัคซีน
อีกทั้งนายกฯ ก็ถามตนว่า หากภาคเอกชนสามารถนำวัคซีนเข้ามาได้แล้ว กระทรวงสาธารณสุขจะขึ้นทะเบียนได้หรือไม่ ตนก็ตอบว่า พร้อมอำนวยความสะดวกอย่างแน่นอน เรื่องทั้งหมดก็มีเพียงเท่านี้ หลังจากเอกสารฉบับแรกออกมา แล้วมีการวิจารณ์จากสังคม ก็มีเอกสารอีกฉบับหนึ่งออกมาชี้แจง แต่ก็ดูสายเกินไปซะแล้ว เพราะคนตื่นตระหนกจากเอกสารฉบับแรก
สำหรับสาเหตุที่เอกชนยังไม่สามารถนำเข้าวัคซีนเข้ามาได้นั้น เนื่องจากผู้ผลิตวัคซีนยังระบุว่า การใช้วัคซีนอยู่ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินและจะไม่รับผิดชอบหากเกิดผลกระทบใด ๆ ตามมา ซึ่งผู้ผลิตเห็นว่า รัฐบาลเท่านั้นที่รับผิดชอบตรงส่วนนี้แทนเอกชนได้ จึงเป็นเหตุผลที่ผู้ผลิตกำหนดให้รัฐบาลจัดหาวัคซีน
ส่วนความคืบหน้าในการจัดหาวัคซีนล่าสุด ทางแอสตร้าเซนเนกา ยืนยันว่า ในเดือนมิถุนายน 2564 จะส่งมอบวัคซีนให้ไทยได้ ส่วนบริษัทไฟเซอร์ได้ส่งตัวแทนระดับผู้บริหารเข้าคุยกับทางการไทยแล้ว ส่วนผู้ผลิตวัคซีนรายอื่น ๆ ไทยก็ยังมีการพูดคุย ไม่เลิกล้มความพยายาม
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ภาพจาก ThaiPBS
จากกรณีที่หอการค้าไทยและซีอีโอ 40 บริษัทในไทย มีการประชุมร่วมกันเรื่องวัคซีนโควิด 19 และเห็นว่า จะมีการนำเข้าวัคซีนกันเอง เพื่อมาฉีดให้กับพนักงานของตัวเอง แต่ภายหลังก็มีการล้มดีลดังกล่าว ซึ่งนายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนชื่อดัง ได้มาเปิดเผยเบื้องหลังว่า คนที่ล้มดีลนี้คือ นายอนุทิน ชาญวีระกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพราะนายอนุทินกลัวเอกชนจะทำได้ดีกว่า
อ่านข่าว : สุทธิชัย เผยเบื้องหลังรัฐบาล เบรก 40 บริษัทเอกชนนำเข้าวัคซีนโควิด เหตุกลัวทำได้ดีกว่า
ทั้งนี้ ตนเคยอยู่ภาคเอกชนมาก่อน ฉะนั้นเข้าใจความรู้สึกดี เข้าใจว่าภาคเอกชนมีความคล่องตัวและต้องการมาช่วยเหลือ ซึ่งแน่นอนว่า ฝ่ายรัฐก็พร้อมรับฟังทุกข้อเสนอ เอกชนรายไหนหาวัคซีนมาลงทะเบียนได้ ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบก็พร้อมตรวจสอบและขึ้นทะเบียนให้ทันที
สำหรับสาเหตุที่เรื่องนี้มีปัญหา มาจากเอกสารฉบับหนึ่ง ที่ระบุว่า รัฐบาลปฏิเสธเอกชนที่ต้องการช่วยเหลือนำเข้าวัคซีน โดยข้อความข้างในอ้างว่า เพราะรัฐบาลมีศักยภาพและความสามารถในการหาวัคซีนได้เพียงพอตามความเป้าแล้ว แต่ความเป็นจริงคือ รัฐไม่เคยห้ามเอกชนเลย
ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีการพูดคุยกับเอกชน ทั้งหอการค้า การธนาคาร และอุตสาหกรรม เปิดทางให้เอกชนหาวัคซีนได้เต็มที่ รัฐไม่ปิดกั้น แต่ถ้าหาไม่ได้ ก็ขอให้เอกชนสนับสนุนเรื่องอื่นไม่ว่าจะเป็นการเปิดให้ใช้สถานที่ รวมถึงการนำพนักงานมารับวัคซีน
อีกทั้งนายกฯ ก็ถามตนว่า หากภาคเอกชนสามารถนำวัคซีนเข้ามาได้แล้ว กระทรวงสาธารณสุขจะขึ้นทะเบียนได้หรือไม่ ตนก็ตอบว่า พร้อมอำนวยความสะดวกอย่างแน่นอน เรื่องทั้งหมดก็มีเพียงเท่านี้ หลังจากเอกสารฉบับแรกออกมา แล้วมีการวิจารณ์จากสังคม ก็มีเอกสารอีกฉบับหนึ่งออกมาชี้แจง แต่ก็ดูสายเกินไปซะแล้ว เพราะคนตื่นตระหนกจากเอกสารฉบับแรก
สำหรับสาเหตุที่เอกชนยังไม่สามารถนำเข้าวัคซีนเข้ามาได้นั้น เนื่องจากผู้ผลิตวัคซีนยังระบุว่า การใช้วัคซีนอยู่ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินและจะไม่รับผิดชอบหากเกิดผลกระทบใด ๆ ตามมา ซึ่งผู้ผลิตเห็นว่า รัฐบาลเท่านั้นที่รับผิดชอบตรงส่วนนี้แทนเอกชนได้ จึงเป็นเหตุผลที่ผู้ผลิตกำหนดให้รัฐบาลจัดหาวัคซีน
ส่วนความคืบหน้าในการจัดหาวัคซีนล่าสุด ทางแอสตร้าเซนเนกา ยืนยันว่า ในเดือนมิถุนายน 2564 จะส่งมอบวัคซีนให้ไทยได้ ส่วนบริษัทไฟเซอร์ได้ส่งตัวแทนระดับผู้บริหารเข้าคุยกับทางการไทยแล้ว ส่วนผู้ผลิตวัคซีนรายอื่น ๆ ไทยก็ยังมีการพูดคุย ไม่เลิกล้มความพยายาม
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID-19 << ได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้