หมอวินัย เผยเคสชวนสะเทือนใจ หนุ่ม 18 ป่วยมะเร็งปอด สถาบันมะเร็งมองหมดหวัง พ่อแม่ย้ายมา รพ. เตรียมรักษาต่อ แต่อาการทรุดหนัก ก่อนเสียชีวิตในเวลารวดเร็ว
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
วันที่ 7 พฤษภาคม 2564 นพ.วินัย โบเวจา อายุรแพทย์ด้านโรคระบบทางเดินหายใจ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก หมอโรคปอด และทางเดินหายใจ: หมอวินัย เผยถึงเคสชวนตกใจไม่น้อย เมื่อชายวัย 18 ปี เป็นมะเร็งปอดระยะลุกลามเร็วมากในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เกิดภาวะปอดแฟบ มีอาการหายใจเหนื่อยมาก ซึ่งหมอเผยว่าเป็นเคสที่อายุน้อยสุดที่เคยรักษามา
เคสนี้ผู้ป่วยเคยได้รับเคมี เจาะน้ำระบายน้ำในเยื่อหุ้มปอดข้างซ้ายแล้ว และรักษาที่สถาบันมะเร็งแห่งหนึ่ง แต่อาการไม่ดีขึ้นจนพ่อแม่ได้รับแจ้งให้ทำใจ แต่พ่อแม่ขอพยายามทุกวิถีทางเพื่อรักษาต่อ โดยย้ายลูกมารักษาที่โรงพยาบาลนี้ เบื้องต้นหมอวางแผนเจาะน้ำในเยื่อหุ้มปอด เพื่อลดอาการหอบเหนื่อย และเริ่มยาเคมีบำบัดเพื่อลองช่วยเหลือคนไข้ดูว่าจะตอบสนองหรือไม่
เด็กผู้ป่วยบอกกับหมอว่า "ไม่ไหวแล้ว เหนื่อยครับ" หมอได้ยินก็รู้สึกเศร้ามาก แต่ก็ต้องปลอบใจคนไข้ให้สบาย ๆ หายใจช้า ๆ จากการเอกซเรย์ปอดข้างขวามีลักษณะมะเร็งลุกลามเร็วมากในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา คาดว่าจะมีการกระจายในหลอดลมและทำให้เกิดภาวะปอดแฟบ จึงคุยกับพ่อแม่ว่าอาจจะต้องรีบส่องกล้องเพื่อดูหลอดลมและปอด แต่ต่อมาน้องเกิดภาวะหายใจหอบเหนื่อยมากขึ้น จึงต้องใส่ท่อช่วยหายใจฉุกเฉิน แล้วย้ายมาส่องกล้องในห้องไอซียูแทน
เคสนี้ผู้ป่วยเคยได้รับเคมี เจาะน้ำระบายน้ำในเยื่อหุ้มปอดข้างซ้ายแล้ว และรักษาที่สถาบันมะเร็งแห่งหนึ่ง แต่อาการไม่ดีขึ้นจนพ่อแม่ได้รับแจ้งให้ทำใจ แต่พ่อแม่ขอพยายามทุกวิถีทางเพื่อรักษาต่อ โดยย้ายลูกมารักษาที่โรงพยาบาลนี้ เบื้องต้นหมอวางแผนเจาะน้ำในเยื่อหุ้มปอด เพื่อลดอาการหอบเหนื่อย และเริ่มยาเคมีบำบัดเพื่อลองช่วยเหลือคนไข้ดูว่าจะตอบสนองหรือไม่
เด็กผู้ป่วยบอกกับหมอว่า "ไม่ไหวแล้ว เหนื่อยครับ" หมอได้ยินก็รู้สึกเศร้ามาก แต่ก็ต้องปลอบใจคนไข้ให้สบาย ๆ หายใจช้า ๆ จากการเอกซเรย์ปอดข้างขวามีลักษณะมะเร็งลุกลามเร็วมากในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา คาดว่าจะมีการกระจายในหลอดลมและทำให้เกิดภาวะปอดแฟบ จึงคุยกับพ่อแม่ว่าอาจจะต้องรีบส่องกล้องเพื่อดูหลอดลมและปอด แต่ต่อมาน้องเกิดภาวะหายใจหอบเหนื่อยมากขึ้น จึงต้องใส่ท่อช่วยหายใจฉุกเฉิน แล้วย้ายมาส่องกล้องในห้องไอซียูแทน
เมื่อส่องกล้องพบว่ามะเร็งกระจายตามเยื่อบุหลอดลม ปริมาณมากจนทำให้หลอดลมบวมและตีบ มีเลือดออกง่าย มีลิ่มเลือด และเมือกเสมหะอุดตันบริเวณหลอดลม เคสนี้ถือว่าเป็นเยอะ ทีมแพทย์วางแผนว่าหลังจากสถานการณ์นิ่ง 1-2 วัน จะส่งเรื่องไปที่โรงพยาบาลโรงเรียนแพทย์ เพื่อพิจารณาทำการรักษาใส่ลวดเหล็ก หรือท่อซิลิโคน แต่ดูแล้วน่าจะลำบาก เพราะมะเร็งดุมาก ไม่รู้เด็กจะทนไหวจนถึงวันนั้นไหม และปรากฏว่าช่วงกลางดึก ชีพจรเต้นช้าลงจนหัวใจหยุดเต้น ซึ่งพ่อแม่ขอไม่ปั๊มหัวใจเพราะไม่อยากทรมานลูก อยากให้น้องหลับสบาย
สุดท้ายข้อคิดสำหรับเรื่องนี้ ไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าทำไมเด็ก 18 ถึงป่วยอาการหนักและเสียชีวิตในเวลารวดเร็วแบบนี้ อีกมุมอาจจะเป็นเครื่องเตือนใจให้เด็กวัยรุ่นที่ร่างกายยังพร้อม จงใช้ชีวิตให้คุ้ม และขอเป็นกำลังใจให้กับพ่อแม่เด็กที่สูญเสียลูกไปในวัยนี้ โดยทิ้งท้ายถึงเด็กที่เสียชีวิตว่า "น้องเป็นเคสแรกที่เด็กที่สุดของพี่ คงไม่ลืมกันง่ายขอให้น้องได้ชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น"
สุดท้ายข้อคิดสำหรับเรื่องนี้ ไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าทำไมเด็ก 18 ถึงป่วยอาการหนักและเสียชีวิตในเวลารวดเร็วแบบนี้ อีกมุมอาจจะเป็นเครื่องเตือนใจให้เด็กวัยรุ่นที่ร่างกายยังพร้อม จงใช้ชีวิตให้คุ้ม และขอเป็นกำลังใจให้กับพ่อแม่เด็กที่สูญเสียลูกไปในวัยนี้ โดยทิ้งท้ายถึงเด็กที่เสียชีวิตว่า "น้องเป็นเคสแรกที่เด็กที่สุดของพี่ คงไม่ลืมกันง่ายขอให้น้องได้ชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น"
