อมร มีมะโน เจ้าของ AJ ชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีมีการนำเสนอข่าวเป็นนักปั่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้เสียหายต่อส่วนรวม ย้ำดำเนินธุรกิจโดยสุจริตมาตลอด
ภาพจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้
จากกรณี คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้ง ดร.อมร มีมะโน เป็นข้าราชการการเมือง ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2564 เพื่อให้มาช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศไทย หลังจากประสบปัญหาโควิด 19 ขณะเดียวกันในช่วงเวลาดังกล่าว สื่อมวลชนหลายสำนักได้มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับคดีปั่นหุ้น ซึ่งในคดีนี้ นายอมร พร้อมพวก 40 ราย ถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษ (คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล) กระทั่งต่อมา คำสั่งแต่งตั้งให้นายอมร มีมะโน เป็นข้าราชการการเมือง มีอันถูกยกเลิกไปในที่สุด
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ดร.อมร มีมะโน ได้ออกหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริง เนื้อหาดังนี้...
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ดร.อมร มีมะโน ได้ออกหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริง เนื้อหาดังนี้...
ตามที่มีมติคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง ดร.อมร มีมะโน และ ดร.ภูวิช ปัญญาสิทธิ์ ให้ดำรงตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2564 และต่อมามีกระแสข่าวโจมตีในทางเสื่อมเสียในการที่จะดำรงตำแหน่งเป็นข้าราชการการเมืองดังกล่าว กรณีที่มีการเสนอข่าวว่าบุคคลทั้ง 2 เกี่ยวข้องเป็นนักปั่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์และก่อให้เกิดความเสียหายต่อส่วนรวม ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ทั้ง 2 ท่านได้ดำเนินธุรกิจเป็นไปตามกลไกลของตลาดทุกประการ
กรณีที่ทาง ก.ล.ต. มีมติโดยคณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) ลงโทษบังคับให้ชำระเงินค่าปรับแก่ผู้กระทำความผิดจำนวน40 ราย แต่บุคคลที่เกี่ยวข้องยืนยันว่า หุ้นขึ้นเป็นไปตามกลไกลของตลาดหุ้นและปฏิเสธข้อกล่าวหาในความรับผิดทางแพ่ง และต่อมาทางพนักงานอัยการยื่นฟ้องบุคคลจำนวน 40 ราย เพื่อเรียกร้องค่าปรับ แต่ที่มีการนำเสนอข่าวว่าอัยการยื่นฟ้องเพื่อเรียกร้องค่าปรับกับ ดร.อมร มีมะโน เพียงคนเดียว เป็นเงินจำนวน 2,303,065.33 บาทนั้น ซึ่งไม่เป็นความจริง ดร.อมร มีมะโน เป็นบุคคลคนหนึ่งที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องที่จะต้องรับผิดร่วมกันกับบุคคลอื่นตามข้อกล่าวหาปรับเป็นเงินจำนวน 105,900,976.25 บาท จากจำนวนเงินค่าปรับทั้งหมดจำนวน 2,303,065.33 บาท ซึ่งมีทั้งหมด 40 ราย และสำนักงาน ก.ล.ต. ได้ขอให้อัยการฟ้องในศาลแพ่ง
กรณีที่ทาง ก.ล.ต. มีมติโดยคณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) ลงโทษบังคับให้ชำระเงินค่าปรับแก่ผู้กระทำความผิดจำนวน40 ราย แต่บุคคลที่เกี่ยวข้องยืนยันว่า หุ้นขึ้นเป็นไปตามกลไกลของตลาดหุ้นและปฏิเสธข้อกล่าวหาในความรับผิดทางแพ่ง และต่อมาทางพนักงานอัยการยื่นฟ้องบุคคลจำนวน 40 ราย เพื่อเรียกร้องค่าปรับ แต่ที่มีการนำเสนอข่าวว่าอัยการยื่นฟ้องเพื่อเรียกร้องค่าปรับกับ ดร.อมร มีมะโน เพียงคนเดียว เป็นเงินจำนวน 2,303,065.33 บาทนั้น ซึ่งไม่เป็นความจริง ดร.อมร มีมะโน เป็นบุคคลคนหนึ่งที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องที่จะต้องรับผิดร่วมกันกับบุคคลอื่นตามข้อกล่าวหาปรับเป็นเงินจำนวน 105,900,976.25 บาท จากจำนวนเงินค่าปรับทั้งหมดจำนวน 2,303,065.33 บาท ซึ่งมีทั้งหมด 40 ราย และสำนักงาน ก.ล.ต. ได้ขอให้อัยการฟ้องในศาลแพ่ง
จากประวัติ ดร.อมร มีมะโน เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด(มหาชน) ได้ปั้นแบรนด์ AJ เป็นที่โด่งดัง และทุกคนรู้จักในสโลแกน "พระเอกตัวจริง" และยังมีความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทย - จีน ทั้งยังมีความสนิทสนมกับนักธุรกิจระดับโลกของประเทศจีนหลายคนจนเป็นที่ยอมรับ และเป็นบุคคลที่มีส่วนร่วมในการนำพา นักธุรกิจประเทศจีนเดินทางมาเชื่อมความสัมพันธ์ไมตรีทางการค้ากับผู้นำของประเทศไทยซึ่งเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีของรัฐบาล
ส่วน ดร.ภูวิช ปัญญาสิทธิ์ ได้ชี้แจงว่า ที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวไปยังสาธารณะ ที่กล่าวหาว่าเป็นบุคคลที่ผู้เกี่ยวข้องในฐานะร่วมกันสร้าง(ปั่นหุ้น) ในตลาดหลักทรัพย์ ของบริษัท คราวน์ เทค แอดวานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ AJD และถูกพนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีร่วมกับผู้กระทำความผิดทั้งหมดรวม 40 คน (ตามที่ชื่อปรากฏตามข่าว) ต่อศาลแพ่ง ลงโทษทางแพ่งให้ชำระค่าปรับ ในอัตราโทษสูงสุดตามกฎหมาย รวมทั้งสิ้นจำนวน 2,303,065,651.33 ล้านบาทนั้น ในข้อเท็จจริงตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในทางคดีปั่นหุ้น ไม่ได้เป็นผู้ถูกพนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีร่วมกับผู้กระทำความผิดทั้งหมดรวม 40 ราย (ตามที่ชื่อปรากฏตามข่าว) และต้องร่วมชดค่าปรับทั้งสิ้น จำนวน 2,303,065,651.33 ล้านบาทแต่อย่างใด
หลังจากที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวออกไป ทำให้ได้รับผลกระทบในทั้งด้านครอบครัว การงาน และทางชื่อเสียงเสียหายอย่างหนัก บุคคลภายนอกต่างวิพากษ์วิจารณ์ โดยไม่มีการเชิญให้ตนเองเข้าชี้แจงหรือสอบถามข้อเท็จจริงแต่อย่างใด