เจ้าของอู่นำคลิปคนร้ายแจ้งความ ถูกขโมยของมูลค่ากว่า 50,000 บาท อ้างตำรวจไม่ยอมไปจับ เหตุยังไม่มีนโยบายจับคนร้าย เพราะโควิด 19 ระบาดหนักในเรือนจำตอนนี้
ภาพจาก เฟซบุ๊ก อีซ้อขยี้ข่าว2
จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก อีซ้อขยี้ข่าว2 เปิดเผยเรื่องราวของอู่ซ่อมรถย่านหนองจอก ถูกคนร้ายเข้ามาขโมยของกลางดึกกว่า 20 รอบ โดยมีการนำหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิดเข้าแจ้งความ แต่อ้างว่าตำรวจกลับบอก ตอนนี้ยังจับไม่ได้ เพราะเป็นช่วงที่โควิด 19 ระบาดในเรือนจำ ต้องลดความแออัดในเรือนจำ ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก
ภาพจาก เฟซบุ๊ก อีซ้อขยี้ข่าว2
ต่อมา (25 พฤษภาคม 2564) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานบทสัมภาษณ์ นายดาวูด สูขไสว เจ้าของอู่ เปิดเผยว่า หลังจากที่ทางอู่ถูกคนร้ายบุกเข้ามาขโมยของหลายรอบ ล่าสุดเช็กความเสียหายพบว่ามีอุปกรณ์ในร้านหายไป 20 รายการ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 50,000 บาท โดยตนรู้ตัวคนร้ายแล้ว พบว่าพักอยู่แถว ๆ อู่ และยังเคยทำทีมาพูดคุยว่าช่วงนี้โจรเยอะให้ระวังของหาย
ภาพจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้
นายดาวูด เล่าต่อว่า อู่เพิ่งจะติดวงจรปิดเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ที่ผ่านมา และคืนวันนั้นก็จับภาพคนร้ายได้เลย แถมพบว่าหลังจากนั้นยังเข้ามาขโมยของ 4 วันติด จึงนำคลิปที่อู่ และคลิปจากร้านที่คนร้ายเอาของที่ขโมยไปขายต่อเอาไปแจ้งความ
แต่ตำรวจบอกว่าหลักฐานไม่ชัด จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้จับตัวคนร้าย และตำรวจบอกว่ายังไม่มีนโยบายจับคนร้าย เนื่องจากตอนนี้โควิดระบาดหนักในเรือนจำ กลัวคนร้ายเข้าไปติดโควิด 19 ทำให้ทางอู่เกิดความไม่สบายใจ ต้องอยู่อย่างหวาดระแวง เพราะภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่าคนร้ายพกมีดมาด้วยทุกครั้ง
ภาพจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้
ทั้งนี้ จากรายงานระบุว่า ระหว่างที่ผู้เสียหายกำลังพูดคุยกับนักข่าว มีพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีโทร. ติดต่อมา บอกว่าทำไมถึงให้ข่าวแบบนั้น ทำให้เจ้าตัวถูกผู้บังคับบัญชาตำหนิ แต่เมื่อสอบถามถึงความคืบหน้าคดี ก็บอกเพียงว่าจะส่งฝ่ายสืบสวนมาทำงาน ก่อนจะวางสายไป
ขอบคุณข้อมูลจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้
