ลุงพล ล่าสุด โดนตำรวจบุกบ้านเข้าจับกุมตั้งแต่เช้าตรู่โทรโข่งเรียกให้ออกมาแล้วแต่ไม่ยอมออกมา โดยพบว่าตำรวจล้อมบ้านลุงพล แต่ลุงพลไม่อยู่บ้าน จับได้แต่ยูทูบเบอร์ พร้อมเผยถึงพยานปากสำคัญ ที่ทำให้ลุงพลเกม
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
วันที่ 2 มิถุนายน 2564 เรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า ตำรวจได้ไปบุกล้อมบ้านของลุงพล หรือนายไชย์พล วิภา ผู้ต้องหาในหมายจับคดีน้องชมพู่ หลังจากที่ศาลจังหวัดมุกดาหาร ได้ตั้งข้อหา 3 ข้อหาคือ
- พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันควร
- ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกินเก้าปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย
- กระทำการใด ๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป
ทั้งนี้ สำนวนของตำรวจ ประกอบด้วยหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ หลักฐานแวดล้อมและพยาน และตำรวจได้ใช้โทรโข่งเรียกลุงพลและป้าแต๋นออกมา และผู้ใหญ่บ้านก็เคาะประตูเรียก แต่ลุงพลก็ไม่ออกมา
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ด้านน้าต่าย น้องสาวของแม่น้องชมพู่ บอกว่า ตนไม่รู้เหมือนกันว่าลุงพลเป็นคนร้าย ตนยอมรับว่าตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น และตอนนี้ลุงพลก็กำลังรอทนายความให้เดินทางมาจากกรุงเทพฯ โดยตอนนี้ทั้งลุงพลและป้าแต๋นก็รออยู่แต่ในบ้านพัก
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ย้อนเหตุการณ์การหายตัวไปของน้องชมพู่
น้องชมพู่ ได้หายตัวไปในวันที่ 11 พฤษภาคม 2563 และพบร่างในวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 บนภูเหล็กไฟ ขณะที่พ่อและแม่ออกไปทำงานนอกบ้าน จากการสอบถามคนในหมู่บ้าน ไม่มีใครพบน้องชมพู่ โดยก่อนที่น้องชมพู่จะหายตัวไป น้องชมพู่ยังเล่นกับน้องสะดิ้ง พี่สาว
บนภูเหล็กไฟนั้น สามารถขึ้นไปได้ 5 เส้นทาง แต่จากการตรวจสอบไม่พบร่องรอย มีเพียงเส้นทางจากสวนยางท้ายหมู่บ้านที่พอมีเบาะแส เพราะมีคนบอกว่า เห็นลุงพลเดินออกมาช่วงประมาณ 09.00 น. ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับช่วงที่น้องชมพู่หายไป ประกอบกับวิสัยของน้องชมพู่ ที่จะร้องไห้ถ้ามีคนแปลกหน้ามาอุ้ม และพยานที่เป็นเด็กที่อยู่ในบริเวณนั้นก็ให้การตรงกันว่า ไม่มีใครได้ยินเสียง จึงเชื่อว่าคนที่พาน้องไปต้องเป็นคนที่น้องรู้จักและคุ้นเคย
บุคคลที่คุ้นเคยนั้นมีประมาณ 10 คน ซึ่งแต่ละคนสามารถยืนยันฐานที่อยู่ได้ชัดเจน มีเพียงลุงพลที่ยืนยันฐานที่อยู่ไม่ได้ว่าขณะที่เกิดเหตุนั้น อยู่ที่ไหน สอดรับกับคำให้การของพยานที่บอกว่าเห็นลุงพลออกมาจากภูเหล็กไฟ
นอกจากนี้ ยังมีพระซึ่งเป็นพยานปากสำคัญ ที่ลุงพลขับรถไปส่งที่สถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง ซึ่งพระให้การว่า ลุงพลพูดว่าน้องชมพู่หายตัวไป ทั้งที่ตอนนั้นยังไม่มีใครรู้เลยว่าน้องชมพู่หายตัว
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
เปิดข้อกฎหมายในคดีลุงพล จะโดนอะไรบ้าง
ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 306 ระบุว่า ผู้ใดทอดทิ้งเด็กอายุยังไม่เกิน 9 ปีไว้ ณ ที่ใด เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 307 ผู้ใดมีหน้าที่ตามกฎหมายหรือตามสัญญา ต้องดูแลผู้ซึ่งพึ่งตนเองมิได้ เพราะอายุ ความป่วยเจ็บ กายพิการหรือจิตพิการ ทอดทิ้งผู้ซึ่งพึ่งตนเองมิได้นั้นเสียโดยประการที่น่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 308 ถ้ากระทำผิดตามมาตรา 306 หรือมาตรา 307 เป็นเหตุให้ผู้ถูกทอดทิ้งถึงแก่ความตาย หรือรับอันตรายสาหัส ผู้กระทำความผิดต้องระวางโทษ ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 290 มาตรา 297 หรือมาตรา 298 นั้น
มาตรา 290 ผู้ใดมิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี - 15 ปี ถ้าความผิดนั้นมีลักษณะประการหนึ่งประการใด ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 289 ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 - 20 ปี
มาตรา 297 ผู้ใดกระทำผิดฐานทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 10 ปี ปรับตั้งแต่ 10,000 - 20,000 บาท
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้