เปิดจุดเริ่มต้น คดีน้องชมพู่ ย้อนรอยเกิดอะไรขึ้นบ้าง ก่อนนำพาชีวิต ลุงพล พลิกผันเป็นเซเลบคนดัง สุดท้ายโดนออกหมายจับ ลุ้นมหากาพย์คดีนี้จะจบลงอย่างไร
ภาพจาก สำนักข่าว INN
เป็นคดีโด่งดังที่คนไทยให้ความสนใจอย่างมาก สำหรับ คดีน้องชมพู่ เด็กน้อยที่เสียชีวิตบนภูเหล็กไฟ จ.มุกดาหาร กับคำถามคาใจคนทั้งประเทศว่าใครฆ่าน้องชมพู่ ? ซึ่งผลพวงจากคดีนี้ทำให้ นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล กลายเป็นที่รู้จัก เริ่มจากการเป็นผู้ต้องสงสัยในคดี ก่อนที่ชีวิตพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือสู่เซเลบคนดัง ไปที่ไหนห้างแตกที่นั่น กระทั่งกลายมาเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้
กระปุกดอทคอม จะพาทุกคนย้อนเรื่องราวคดีดังกล่าว ตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง และเป็นไปได้หรือไม่ที่ลุงพลจะเป็นคนร้ายตัวจริง ตามไปไล่เรียงเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นกันเลย...
จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นเมื่อ เด็กหาย !
เรื่องราวของน้องชมพู่ เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 เมื่อน้องหายตัวไปอย่างลึกลับจาก บ้านกกกอก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร โดยที่ไม่ได้ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้ นำไปสู่การตามหา 3 วัน 3 คืน ระดมทั้งชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ และพึ่งไสยศาสตร์ ในการตามหาตัว จนสุดท้ายก็มีชาวบ้านที่ขึ้นไปเก็บผักหวานบนภูเหล็กไฟ ได้ให้เบาะแสว่า พบรองเท้าของน้องชมพู่
วันที่ 14 พฤษภาคม 2564 เจ้าหน้าที่ได้ขึ้นไปบนภูเหล็กไฟ และพบร่างของน้องชมพู่ ซึ่งเสียชีวิตในสภาพเปลือยกาย จนกลายมาเป็นข่าวใหญ่โต และมีการคาดการณ์ว่า น้องชมพู่จะถูกล่วงละเมิดทางเพศหรือไม่
ผลการชันสูตรพลิกศพ
จากนั้น ทางครอบครัวได้ส่งตัวน้องชมพู่ไปชันสูตรพลิกศพที่ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี แต่ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายหรือล่วงละเมิดทางเพศ ทางครอบครัวซึ่งติดใจกับผล ก็ส่งศพไปชันสูตรอีกครั้งที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ และพบว่ามีร่องรอยการถูกล่วงละเมิดจริง แต่ไม่พบอสุจิในช่องคลอด เนื่องจากสภาพศพเน่าเปื่อยไปแล้ว ซึ่งจากนั้นครอบครัวก็ได้นำศพของน้องชมพู่มาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
การสืบสวนเริ่มขึ้น
ก่อนที่น้องชมพู่จะเสียชีวิต น้องชมพู่เล่นอยู่กับน้องสะดิ้ง พี่สาว แต่น้องสะดิ้งอ้างว่าหลับไป เมื่อตื่นมาก็ไม่พบน้องชมพู่แล้ว ประกอบกับมีคำให้การจากเด็ก 7 ขวบในละแวกนั้นบอกว่า พบเห็นผู้ชายรูปร่างสูงสวมเสื้อสีส้มแขนยาว มีหมวกสีดำเหมือนคนตัดอ้อยอุ้มน้องชมพู่ไปทางไร่มัน และตอนที่น้องชมพู่หายไป ไม่มีเสียงหมาเห่า ทางตำรวจจึงพุ่งเป้าคนร้ายไปที่คนใกล้ตัว
ทั้งนี้ ในตอนแรกตำรวจได้ตั้งผู้ต้องสงสัยไว้ทั้งสิ้น 7 คน แต่ผู้ต้องสงสัยที่ถูกหมายเอาไว้มากที่สุด คือ ลุงพล ใกล้ชิดกับน้องชมพู่มาก โดยที่ลุงพลถือเป็นญาติสนิท เพราะเป็นสามีของป้าแต๋น พี่สาวแท้ ๆ ของคุณแม่น้องชมพู่ ความสนิทสนมนั้น ถึงขั้นที่ลุงพลเคยเอ่ยปากว่าจะขอเลี้ยงน้องชมพู่ หากพ่อแม่ของน้องชมพู่ไม่อยากเลี้ยงน้องอีกต่อไป
ภาพจาก สำนักข่าว INN
ลุงพลยืนยันไม่ใช่คนฆ่า น้องชมพู่ ล้านเปอร์เซ็นต์
ลุงพลได้แสดงความบริสุทธิ์ใจหลายครั้ง ด้วยการยืนยันว่าตนไม่ได้ฆ่าน้องชมพู่ และถึงขั้นไปออกรายการโหนกระแส ให้ซักถามกันตรง ๆ ต่อหน้า แต่เพื่อความมั่นใจ พ่อแม่ของน้องชมพู่ก็ท้าลุงพลไปสาบาน ซึ่งลุงพลก็ไปสาบานที่ต่อหน้าหลวงปู่ลิ้น วัดถ้ำภูผาแอก ยืนยันไม่ได้ฆ่าหลาน พร้อมกับปักธูปกลับหัว ซึ่งทำให้คนงงกันทั้งประเทศ ซึ่งหมอปลาออกมาบอกว่าเป็นการแก้คุณไสยจากผู้ไม่หวังดี ให้สะท้อนกลับเข้าตัวคนทำ
กระแสสังคมแบ่งเป็น 2 ฝั่ง
เมื่อมาถึงจุดนี้ กระแสสังคมก็เริ่มแตกแยกออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งหนึ่งก็เข้าข้างพ่อแม่ของน้องชมพู่ อีกฝั่งก็เข้าข้างลุงพล เริ่มมีสำนักข่าวต่าง ๆ เข้าไปทำข่าวที่บ้านกกกอกอย่างไม่ขาดสาย อะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ สามารถหยิบมาเป็นประเด็นได้หมด ชื่อเสียงของลุงพลเริ่มจะไม่ใช่เพียงแค่คนธรรมดาอีกต่อไป แต่กลายเป็นคนดังที่มีงานเข้ามา ทั้งงานโชว์ตัว เอ็มวี โปรโมตสินค้า ประวัติส่วนตัว ความชอบต่าง ๆ ไลฟ์สไตล์ของลุงพล ถูกนำมาตีแผ่เป็นคอนเทนต์สนุกสนาน จนก็ทำให้เกิดกระแสสังคมอีกด้านว่า ทำแบบนี้เหมาะสม และล้อเล่นกับความเป็นความตายของเด็กคนหนึ่งหรือไม่
ผลชันสูตรอย่างละเอียด ยิ่งทำให้ปมสงสัยมากขึ้นไปอีก
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนคดี ออกมาแถลงความคืบหน้าผลชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง ไม่พบร่องรอยข่มขืน ฆาตกรรม และทำร้ายร่างกาย กระเพาะไม่มีอาหารหลงเหลืออยู่ มีเพียงของเหลวเหลืออยู่ 10 มิลลิลิตร สมองและปอดไม่พบความผิดปกติ อวัยวะเพศไม่มีการถูกล่วงละเมิด เยื่อพรหมจรรย์อยู่ครบสมบูรณ์ สาเหตุที่เสียชีวิตคือ ขาดอาหารและน้ำจนเสียชีวิต
เมื่อไม่มีการทำร้ายใด ๆ เกิดขึ้น ความเป็นไปได้คือ อาจมีคนพาน้องชมพู่ไปปล่อยไว้กลางป่า สุดท้ายน้องกลับไม่ได้ และเสียชีวิตด้วยการขาดอาหารและน้ำ กับอีกข้อสันนิษฐานคือ น้องวิ่งเล่นเข้ามาในป่าเอง จนเกิดพลัดหลงทาง สุดท้ายเสียชีวิตเอง โดยไม่มีใครทำร้าย แต่คนก็ต่างสงสัยว่าเด็กตัวเล็ก ๆ จะเดินขึ้นไปบนภูเหล็กไฟเองได้อย่างไร
กระแสลุงพลฟีเว่อร์
ระหว่างที่ตำรวจยังหาหลักฐานมัดตัวคนร้ายไม่ได้ กระแสลุงพลก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ จากพฤติกรรมของลุงพลที่จะแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการให้ความช่วยเหลือให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ทุกอย่าง แม้โดนสอบสวนนาน ๆ ก็ไม่เคยปริปากบ่น จนสังคมเทใจให้จำนวนมาก และมองว่าลุงพลคือผู้บริสุทธิ์ เป็นชาวบ้านธรรมดาที่ถูกกลั่นแกล้ง จนมีความช่วยเหลือต่าง ๆ หลั่งไหลมายังลุงพลและป้าแต๋น จากทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ลุงพลเริ่มเปิดยูทูบช่อง ลุงพลป้าแต๋น แฟมิลี่ ถ่ายคลิปชีวิตเรียบง่ายลง แต่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ต่อมาก็มีโอกาสได้ร่วมงานกับนักร้องลูกทุ่งดัง จินตหรา พูนลาภ ในเพลง เต่างอย ตอกย้ำความดังเป็นพลุแตก จากนั้นก็มีงานอีเวนต์ต่าง ๆ เข้ามาไม่ขาดสาย รวมไปถึงพรีเซ็นเตอร์สินค้า ไปที่ไหนก็มีแฟนคลับตามมาให้กำลังใจล้นหลามแทบห้างแตก เป็นปรากฏการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตลุงพลจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว จากอาชีพกรีดยางในหมู่บ้าน สู่เซเลบคนดัง ถึงขั้นมีโรงเรียนพานักเรียนไปทัศนศึกษาบ้านกกกอก พาไปถ่ายรูปกับลุงพลและป้าแต๋น
ภาพจาก JINTARA CHANNEL OFFICIAL
ตำรวจเรียกเข้าเครื่องจับเท็จ
คดีความยังดำเนินต่อไป แม้จะยังออกหมายจับใครไม่ได้ วันที่ 4-7 มกราคม 2564 ตำรวจเรียกครอบครัวน้องชมพู่ และลุงพลเข้าเครื่องจับเท็จ แต่ละคนโดนสอบสวนเป็นเวลาหลายชั่วโมง แต่ตำรวจก็ยังไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ ระบุเพียงว่าทุกคนยังเป็นผู้บริสุทธิ์
ความดังของลุงพลเริ่มสะดุด
ลุงพลเริ่มไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อหลัก เนื่องจากมียูทูบเบอร์จำนวนมากที่ไปปักหลักติดตามชีวิตลุงพล กระทั่งวันที่ 19 มกราคม 2564 เจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน จากบริเวณที่ก่อสร้างองค์พญานาค สูง 7 เมตร ซึ่งลุงพลโดนเรื่องคดีครอบครองไม้มะค่าแต้ ที่ลุงพลอ้างว่าเป็นเจ้าแม่ตะเคียนโสรภี โดยมีสื่อหลายสำนักไปสัมภาษณ์
ภาพจาก ข่าวช่องวัน
วันนั้นลุงพลก่อเหตุแย่งไมค์นักข่าวอมรินทร์ ทีวี ซึ่งเป็นช่องที่นำเสนอข่าวลุงพลอยู่เป็นประจำ และคำพูดเด็ดของลุงพลที่ตะโกนถามนักข่าวว่า ถ่ายผม ขออนุญาตผมหรือยัง นอกจากนี้คนใกล้ชิดก็เริ่มตีตัวออกห่าง ทั้งหมอปลา, อุ๊บ วิริยะ, ยิ่งยง ยอดบัวงาม ที่ตัดสินใจถอดเพลง อยากเป็นป้าแต๋นแฟนลุงพล ออกจากยูทูบ รวมถึงสินค้าบางเจ้าตัดสินใจไม่ต่อสัญญาพรีเซ็นเตอร์
ลุ้นคดีใกล้ถึงจุดคลี่คลายแล้ว
วันที่ 11 พฤษภาคม 2564 พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าคดี ยังไม่สามารถออกหมายจับใครได้ ใครที่ลุ้นอยู่ก็ให้ลุ้นต่อไป พร้อมฝากถึงผู้ก่อเหตุว่าบาปบุญมีจริง ท่านหนีได้ชั่วคราวเท่านั้น ถ้าเหนื่อยก็ให้มาจับเข่าคุยกัน
- พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันควร
- ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกินเก้าปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย
- กระทำการใด ๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป
โดยไม่มีข้อหาใดที่บ่งบอกว่าลุงพลฆาตกรรม แต่เป็นการชี้ว่า ลุงพลอาจจับตัวน้องชมพู่ไปปล่อยในป่า ส่งผลให้น้องเสียชีวิตในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตาม ลุงพล ได้เข้ามอบตัวแล้วในวันที่ 2 มิถุนายน 2564 ที่กรุงเทพฯ ยืนยันว่าไม่มีการเจรจาหรือต่อรองเรื่องการขอประกันตัวตามที่มีกระแสข่าว
