นายกฯ ดอดเข้าสภาหลังก้าวไกลขู่นับองค์ประชุม แจงเดือดจำเป็นต้องกู้ 5 แสนล้าน !

          นายกฯ ดอดเข้าสภาหลังก้าวไกลขู่นับองค์ประชุม ยันให้ความสำคัญประชุมสภา แต่ติดภารกิจ แจงเดือดจำเป็นต้องกู้ 5 แสนล้าน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวิกฤตโควิด 19



          วันที่ 9 มิถุนายน 2564 สำนักข่าว INN รายงานว่า นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นมาเสนอให้นับองค์ประชุมในสภา ระหว่างการอภิปรายร่าง พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพราะเห็นว่าในห้องประชุมมี ส.ส. ไม่น่าจะครบองค์ประชุม

          ทำให้ นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานการประชุมไกล่เกลี่ยว่าที่สมาชิกในห้องประชุมบางตา เนื่องจากเป็นไปตามมาตรการเว้นระยะห่างในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด-19 ตามที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรระบุว่า หากสมาชิกคนใดไม่ได้อภิปราย ขอให้อยู่บริเวณรอบนอก แต่นายพิเชษฐ์ยังยืนยันให้นับองค์ประชุม ทำให้นายศุภชัยตัดสินใจพักประชุม 10 นาที เพื่อให้วิปทั้ง 2 ฝ่ายไปพูดคุยทำความเข้าใจกัน


          จากนั้นได้เปิดประชุมอีกครั้ง ซึ่ง นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ชี้แจงว่า วิปทั้ง 2 ฝ่ายได้ทำความเข้าใจกันด้วยดี ขณะที่นายพิเชษฐ์ยอมถอนการขอนับองค์ประชุม โดยนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ได้ลงไปทำความเข้าใจกับ ส.ส. กลางห้องประชุมเอง

          ต่อมา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า เงินกู้ 5 แสนล้านบาท ไม่ใช่เงินน้อย แต่นายกรัฐมนตรีไม่ให้ความสนใจกับการประชุมครั้งนี้ ถือว่าไม่ให้เกียรติกับประชาชน ถ้านายกฯ ไม่เดินทางมา พรรคก้าวไกลจะเสนอนับองค์ประชุมเอง พร้อมระบุว่า เมื่อสักครู่ที่ให้มีการนับองค์ประชุม สาเหตุเป็นเพราะ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หากท่านให้เกียรติสภาฯ มาฟังการอภิปราย ก็คงไม่มีใครนับองค์ประชุม แต่เงินกู้สูงขนาด 5 แสนล้านบาท ทบจากเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ที่ท่านกู้มาแล้วและใช้ไปหมดแล้ว และท่านไม่มาสภา ไม่มาพบกับตัวแทนของประชาชน

          นายวิโรจน์ ระบุอีกว่า เรียนตรง ๆ ว่ามันหยามน้ำใจประชาชนเกินไป เมื่อสักครู่มีเจ้าหน้าที่มาแจ้งให้ตนทราบว่ามีการประสานให้นายกรัฐมนตรีมา ถ้าตั้งใจจะมาจริง ๆ ภายใน 18.00 น. หากจะมาต้องมาได้ และถ้าไม่มา พรรคก้าวไกลจะขอนับองค์ประชุมเองหลังเวลา 18.00 น.

          ต่อมามีรายงานว่า พล.อ. ประยุทธ์ ได้เดินทางเข้ามาที่รัฐสภา โดยปฏิเสธตอบคำถามถึงการอภิปรายพ.ร.ก.กู้เงิน 500,000 ล้านบาท และมีสีหน้าเรียบเฉยในการตอบคำถาม พร้อมหันหลังให้สื่อมวลชนที่ยืนรอถามอยู่หน้าลิฟต์

          ทั้งนี้ เมื่อถามถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูล พล.อ. ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง สนช. ข้อหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า "ก็ให้เขาชี้แจงไป"

          อย่างไรก็ตาม เป็นที่สังเกตว่า พล.อ. ประยุทธ์ เดินทางเข้าสภาภายหลังจากนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายขีดเส้นตายให้เข้าฟังการอภิปรายภายในเวลา 18.00 น. ไม่เช่นนั้นพรรคก้าวไกลจะขอนับองค์ประชุม ทั้งนี้ พบว่านายกรัฐมนตรีได้เดินทางเข้าสภาในเวลา 17.25 น. ซึ่งเป็นเวลาก่อนที่พรรคก้าวไกลขีดเส้นตาย และการเดินทางเข้าสภาในวันนี้ก็ไม่มีในกำหนดการ

          หลังจากที่เดินทางเข้าที่ประชุมแล้ว พล.อ. ประยุทธ์ ได้ลุกขึ้นชี้แจงด้วยอารมณ์ขึงขัง เสียงดัง ต่อที่ประชุมสภาฯ ในระหว่างการพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท หลังสมาชิกฝ่ายค้านอภิปรายโจมตี โดยยืนยันว่ามีความจำเป็นต้องกู้ แต่เป็นการทยอยกู้ ไม่ใช่กู้ในคราวเดียว ทุกอย่างคิดรอบคอบ มีขั้นตอน เพื่อนำมาแก้ปัญหาจากการแพร่ระบาดโควิด 19 การฟื้นฟูเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลต้องเตรียมความพร้อมรับมือ

          พล.อ. ประยุทธ์ ยืนยันว่า ตนให้ความสำคัญกับการประชุมสภาฯ แต่ติดภารกิจหลายอย่าง พร้อมถอนหายใจกับการใช้คำพูดของคนในสภา และกล่าวว่า ที่ต้องให้เกียรติกันบ้าง เพราะตนก็ให้เกียรติเสมอ โชคดีที่พูดในสภา มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง ถ้าพูดนอกสภาคงโดนกันบ้าง

          ส่วนการกระจายวัคซีนเป็นอำนาจ สสจ. บางจังหวัดอาจไม่พอ ก็ขอให้รอ ขออย่านำเรื่องวัคซีนมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ตนให้เกียรติและเคารพการเมือง แต่มีการเมืองมากเกินไปก็เดินหน้าไม่ได้ ขณะเดียวกันก็ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายกับการจัดซื้อวัคซีน ยืนยันว่ารัฐบาลจะจัดหามาให้ และขณะนี้ก็ปลดล็อกให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถสั่งซื้อวัคซีนจากหน่วยงานของรัฐได้ แต่หากปล่อยให้สั่งวัคซีนกันเองก็อาจได้วัคซีนปลอม

ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN