หนุ่มทำเนียน ทำทีเอาพระปลอมมาปล่อย ขากลับมือไว แอบฉกหมวกกันน็อกเซียนพระ ราคาเกือบ 3 หมื่น เอาไปขายแค่ 3 ร้อย ล่าสุดทราบตัวแล้ว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ ประกอบบุญ
วันที่ 21 มิถุนายน 2564 ข่าวช่องวัน แจ้งเตือนเกี่ยวกับมิจฉาชีพอาละวาดหนัก โดยได้รับเรื่องร้องเรียนจากเจ้าของร้านพระเครื่องแห่งหนึ่ง ย่านโลตัสคำเที่ยง เขตตัวเมืองเชียงใหม่ พร้อมกับภาพจากกล้องวงจรปิด ระบุว่ามีลูกค้าหนุ่มเสื้อลายดำ-ขาว อายุประมาณ 20 ปี ก่อเกิดเหตุสุดอุกอาจอย่างไม่เกรงใจ หยิบหมวกกันน็อกราคาแพงที่วางหน้าร้านติดมือกลับไปหน้าตาเฉย
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ ประกอบบุญ
โดยนายก้อย บารมี เจ้าของร้านบอกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 17.38 น.ของวันที่ 19 มิถุนายน ชายวัยรุ่นที่ก่อเหตุ ได้เข้ามาที่ร้าน เพื่อนำพระเครื่องที่อ้างว่าเป็นพระกรุเก่ามาเสนอขายให้ แต่เมื่อตรวจสอบก็พบว่าไม่ใช่พระแท้ แต่ชายคนดังกล่าวก็อ้างว่าตัวเองตกงาน ไม่มีเงินกินข้าวอยากจะขายจริง ๆ ตนจึงเห็นใจรับพระเครื่องที่ชายคนดังกล่าวนำมาขายไว้ แล้วให้เงินไปกินข้าว 200 บาท พร้อมกับบอกด้วยว่า หากอยากได้คืนก็สามารถมาซื้อคืนไปได้ และหลังจากได้เงินไป วัยรุ่นคนดังกล่าว ก็เปิดประตูออกจากร้านไป
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ ประกอบบุญ
แต่ระหว่างนั้นตนที่ไม่ทันได้ระวังตัว จึงไม่ห็นว่าตอนเดินออกจากร้านวัยรุ่นชายคนดังกล่าวได้หยิบหมวกกันน็อกที่วางไว้หน้าร้านติดมือไปด้วย ซึ่งหมวกที่ถูกขโมยไปเป็นหมวกที่ราคาสูงถึง 25,000 บาท ยี่ห้อ SHOEI (โชเอะ) จากนั้นไม่นานหลังจากที่เราโพสต์เรื่องลงในโซเชียล
หลังจากผ่านไปได้ไม่นาน ก็มีคนมาแจ้งเข้ามาว่า วัยรุ่นชายคนนี้เอาหมวกกันน็อกที่ขโมยไปขายให้พลเมืองดีคนหนึ่งในราคา 300 บาท พลเมืองดีคนนั้นก็รู้ว่าหมวกรุ่นนี้ราคาแพง จึงสงสัยว่าทำไมเอามาขายราคาถูกมาก จึงรับไว้พร้อมทั้งขอสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และเบอร์โทรศัพท์ติดต่อของชายคนดังกล่าวไว้เป็นหลักฐาน
จนทำให้ตอนนี้ตนทราบตัวแล้วว่าคนที่ก่อเหตุเป็นใคร และมีหลักฐานพร้อมที่จะดำเนินคดีด้วย แต่เบื้องต้นตัดสินใจยังไม่แจ้งความ เพราะแค่อยากจะเรียกตัวมาว่ากล่าวตักเตือน และอาจจะพิจารณาไม่เอาความหากเจ้าตัวสำนึกผิด เนื่องจากไม่อยากให้ชายวัยรุ่นคนดังกล่าวเสียอนาคต
หลังจากผ่านไปได้ไม่นาน ก็มีคนมาแจ้งเข้ามาว่า วัยรุ่นชายคนนี้เอาหมวกกันน็อกที่ขโมยไปขายให้พลเมืองดีคนหนึ่งในราคา 300 บาท พลเมืองดีคนนั้นก็รู้ว่าหมวกรุ่นนี้ราคาแพง จึงสงสัยว่าทำไมเอามาขายราคาถูกมาก จึงรับไว้พร้อมทั้งขอสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และเบอร์โทรศัพท์ติดต่อของชายคนดังกล่าวไว้เป็นหลักฐาน
จนทำให้ตอนนี้ตนทราบตัวแล้วว่าคนที่ก่อเหตุเป็นใคร และมีหลักฐานพร้อมที่จะดำเนินคดีด้วย แต่เบื้องต้นตัดสินใจยังไม่แจ้งความ เพราะแค่อยากจะเรียกตัวมาว่ากล่าวตักเตือน และอาจจะพิจารณาไม่เอาความหากเจ้าตัวสำนึกผิด เนื่องจากไม่อยากให้ชายวัยรุ่นคนดังกล่าวเสียอนาคต
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ ประกอบบุญ
