เปิดเรื่องราวชีวิตของ Ho Van Lang ทาร์ซานตัวจริง ผู้เติบโตในป่า 41 ปี ไม่รู้จักโลกภายนอก หลังพ่อพาหนีช่วงสงครามเวียดนาม
ภาพจาก AFP
เมื่อหลายปีก่อน เรื่องราวของ โฮ หวั่น ลัง กลายเป็นที่ฮือฮาและโด่งดังไปทั่วโลก เมื่อเขาออกมาสู่โลกภายนอกเป็นครั้งแรก หลังจากที่ใช้ชีวิตในป่าลึกมานานกว่า 4 ทศวรรษ แทบไม่เคยพบเจอหน้าผู้คน จนได้รับฉายาว่า ทาร์ซานตัวจริง
แล้วปัจจุบันนี้เขาเป็นอย่างไร อยู่ที่ไหนแล้ว เรามาเรียนรู้เรื่องราวชีวิตของเขาไปด้วยกัน
ภาพจาก STR / AFP
ย้อนกลับไปในปี 2515 (1972) ซึ่งเป็นช่วงที่สงครามเวียดนามยังไม่จบสิ้น โฮ หวั่น ธัน ผู้เป็นทหารอาสาสู้รบกับกองทัพอเมริกัน ได้ยินเสียงเครื่องบินทิ้งระเบิดใส่หมู่บ้านของเขา ธันรีบวิ่งสุดชีวิตเพื่อกลับบ้าน และพบว่าบ้านของเขากลายเป็นซาก แม่และลูกชายคนโตเสียชีวิต
ธันเสียใจมากจนแทบเสียสติ เขาได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรงจนเริ่มมีอาการทางจิตและมีพฤติกรรมรุนแรง ในวันหนึ่งเขาพาภรรยาและลูกชาย 2 คน คือ โฮ หวั่น จี๋ กับ โฮ หวั่น ลัง หลบหนีไปยังที่ปลอดภัย ห่างไกลจากสงครามและผู้คน แต่มันไม่ใช่ที่ปลอดภัยสำหรับภรรรยาของเขาเลย
อยู่มาวันหนึ่ง ธันเกิดคุ้มคลั่งขึ้นมา เขาทุบตีภรรยาจนสลบไป แล้วคว้าลัง วัย 2 ขวบ หนีเข้าป่าลึก ทิ้งเมียและจี๋เอาไว้ ซึ่งไม่มีใครรู้เหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมเขาไม่เอาลูกอีกคนไปด้วย
เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง ธันย้อนกลับมายังหมู่บ้านเพื่อมาเยี่ยมภรรยา เพราะไม่รู้เลยว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง แต่ชาวบ้านต่างหวาดกลัวธัน กลัวว่าเขาจะทำร้ายเธอจนเจ็บปางตายอีก พวกเขาจึงโกหกธันไปว่าเธอเสียชีวิตแล้ว ธันทุกข์ใจมาก และนับตั้งแต่วันนั้น เขาก็หายไปในป่า ไม่กลับออกมาอีกเลย
ลัง เติบโตขึ้นมาในป่ากับพ่อ ในป่าลึกภายในพื้นที่ อ.เตยฉ่า จ.ก๋วงหงาย ทางตะวันออกของเวียดนาม เขาไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับโลกภายนอกเลยแม้แต่น้อย ทั้งสองอาศัยอยู่ในบ้านต้นไม้ ยังชีพด้วยน้ำผึ้ง ผลไม้ป่า และพืชผักที่หาได้
ธันให้ลูกหลีกเลี่ยงการพบเจอผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อมีคนเริ่มถางป่าเพื่อทำไร่ไถนา หรือสร้างบ้านเรือนเข้ามาใกล้ เขาก็จะย้ายเข้าป่าลึกขึ้นไปเรื่อย ๆ
เวลาผ่านไปนาน จนกระทั่ง โฮ หวั่น จี๋ อายุได้ 12 ปี เขากับลุงก็ตัดสินใจเข้าป่าเพื่อตามหาพ่อและน้องชาย จนกระทั่งพบทั้งสองในป่าลึก ตอนแรกธันจำลูกชายไม่ได้ ต้องใช้เวลากว่าที่เขาจะรับรู้ว่าเด็กคนนี้คือใคร หลังจากนั้นเป็นต้นมา จี๋ก็จะเข้าป่าไปยังบ้านต้นไม้เพื่อน้ำข้าวสาร น้ำมัน และของที่จำเป็นอื่น ๆ ไปให้ทั้งสอง ปีละ 2 ครั้ง
ธันและลังใช้ชีวิตเช่นนั้นเรื่อยมา จนกระทั่งในปี 2556 สุขภาพของธันย่ำแย่ลงด้วยอายุอานามที่แก่ชรา ครอบครัวจึงเข้าป่าไปหาและขอร้องให้มารักษา ลังก็ออกมาด้วย ซึ่งนั่นเป็นการกลับคืนสู่หมู่บ้านเป็นครั้งแรก หลังจากเติบโตในป่ามา 41 ปี
ครอบครัวและชาวบ้านพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อให้ทั้งสองกลับมาอยู่บ้านเหมือนเดิม แต่ธันไม่ยอมท่าเดียวและดึงดันว่าจะไปอยู่ในป่าเหมือนเดิม ในขณะเดียวกัน ลังที่ไม่เคยเจอผู้คนมาก่อน ไม่รู้จักผู้หญิง แทบไม่รู้ภาษา เปรียบเสมือนเด็กคนหนึ่ง กลับกล้าที่จะเรียนรู้ในสิ่งใหม่ และกลับมาอยู่บ้านในปี 2558
โฮ หวั่น ลัง พยายามเรียนรู้ภาษา การเข้าหาผู้คน และหัดพูดคุยกับชาวบ้าน พี่ชายสอนให้เขารู้จักการใช้เงินและการซื้อขาย แต่ลังไม่ต่างจากเด็กน้อย เวลาเอาฟืนไปขาย เขาก็จะขนไปวางไว้ แล้วกลับบ้าน ไม่เอาเงินกลับมาด้วย จนพี่ชายต้องตามไปเก็บตลอด นอกจากนี้แล้ว ลังยังได้เรียนรู้การเลี้ยงควาย จนกลายเป็นสิ่งที่เขาถนัด แม้ตอนแรกจะกลัวมากก็ตาม
สำหรับเรื่องอื่น ๆ ลังไม่สนใจเลย เวลาผู้ชายมาชวนคุยเรื่องผู้หญิง เขาก็ไม่สนใจ สิ่งที่เขาชอบมีแค่การเคี้ยวหมากกับดื่มชาเท่านั้น เขาเคยหัดดื่มเหล้าเบียร์ตามพี่ชาย แต่ก็เกิดอาการแพ้ ซึ่งมันทำให้เขาหวาดกลัวมาก คิดว่ามันคือสิ่งที่ไม่ดี และบอกให้พี่เลิกเหล้า จนพี่ก็ยอมเลิกในที่สุด
ในปี 2560 หลังจากออกจากป่าได้ 2 ปี ธันก็เสียชีวิตจากไปด้วยวัยชรา พอเสียพ่อลังก็รู้สึกโดดเดี่ยว เขาหนีออกจากบ้านเข้าไปในป่าทุกคืน จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจกลับไปใช้ชีวิตดั่งเดิม เหมือน 41 ปีที่ผ่านมา โดยลังไปอาศัยอยู่ในป่า ไม่ไกลจากหมู่บ้านมาก ครอบครัวกับชาวบ้านช่วยกันสร้างกระท่อมเล็ก ๆ ให้เขาพออยู่ได้ ต่อท่อน้ำให้เขาไม่ลำบาก
อัปเดตล่าสุด ปัจจุบัน ลังในวัย 50 ปี กว่า ๆ มีความสุขกับการปลูกกล้วยและดื่มน้ำผึ้ง เขาจะเข้าหมู่บ้านเดือนละครั้งหรือสองครั้ง เพื่อเอานก หนู หรือเอากล้วยไปขาย ส่วนพี่ชายกับก็ไปหามาสู่และคอยดูแลตลอด รวมทั้งเขาของใช้ที่จำเป็นและเอาเสื้อผ้าไปให้
ลังพอสื่อสารได้ว่า เขาชื่นชอบฟังเสียงชาวบ้านพูดภาษาถิ่น และตื่นเต้นกับรถที่เต็มไปหมด แต่การเดินทางมาหมู่บ้านมันไกล และทำให้เขาเหนื่อยล้า เขาจึงไม่ขอออกมาถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ
ตอนนี้ โฮ หวั่น ลัง มีความสุขดีกับชีวิตเรียบง่ายในกระท่อมกลางป่าของเขา เพราะเขาเติบโตมากับธรรมชาติ และนั่นคือบ้านที่แท้จริงของเขา
ภาพจาก STR / AFP
ขอบคุณข้อมูลจาก VN Express
ภาพจาก AFP
เมื่อหลายปีก่อน เรื่องราวของ โฮ หวั่น ลัง กลายเป็นที่ฮือฮาและโด่งดังไปทั่วโลก เมื่อเขาออกมาสู่โลกภายนอกเป็นครั้งแรก หลังจากที่ใช้ชีวิตในป่าลึกมานานกว่า 4 ทศวรรษ แทบไม่เคยพบเจอหน้าผู้คน จนได้รับฉายาว่า ทาร์ซานตัวจริง
แล้วปัจจุบันนี้เขาเป็นอย่างไร อยู่ที่ไหนแล้ว เรามาเรียนรู้เรื่องราวชีวิตของเขาไปด้วยกัน
ภาพจาก STR / AFP
จุดเริ่มต้นที่เกิดจากโศกนาฎกรรม
ย้อนกลับไปในปี 2515 (1972) ซึ่งเป็นช่วงที่สงครามเวียดนามยังไม่จบสิ้น โฮ หวั่น ธัน ผู้เป็นทหารอาสาสู้รบกับกองทัพอเมริกัน ได้ยินเสียงเครื่องบินทิ้งระเบิดใส่หมู่บ้านของเขา ธันรีบวิ่งสุดชีวิตเพื่อกลับบ้าน และพบว่าบ้านของเขากลายเป็นซาก แม่และลูกชายคนโตเสียชีวิต
ธันเสียใจมากจนแทบเสียสติ เขาได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรงจนเริ่มมีอาการทางจิตและมีพฤติกรรมรุนแรง ในวันหนึ่งเขาพาภรรยาและลูกชาย 2 คน คือ โฮ หวั่น จี๋ กับ โฮ หวั่น ลัง หลบหนีไปยังที่ปลอดภัย ห่างไกลจากสงครามและผู้คน แต่มันไม่ใช่ที่ปลอดภัยสำหรับภรรรยาของเขาเลย
อยู่มาวันหนึ่ง ธันเกิดคุ้มคลั่งขึ้นมา เขาทุบตีภรรยาจนสลบไป แล้วคว้าลัง วัย 2 ขวบ หนีเข้าป่าลึก ทิ้งเมียและจี๋เอาไว้ ซึ่งไม่มีใครรู้เหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมเขาไม่เอาลูกอีกคนไปด้วย
พ่อที่โศกเศร้า พาลูกหันหลังให้กับโลก
เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง ธันย้อนกลับมายังหมู่บ้านเพื่อมาเยี่ยมภรรยา เพราะไม่รู้เลยว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง แต่ชาวบ้านต่างหวาดกลัวธัน กลัวว่าเขาจะทำร้ายเธอจนเจ็บปางตายอีก พวกเขาจึงโกหกธันไปว่าเธอเสียชีวิตแล้ว ธันทุกข์ใจมาก และนับตั้งแต่วันนั้น เขาก็หายไปในป่า ไม่กลับออกมาอีกเลย
ลัง เติบโตขึ้นมาในป่ากับพ่อ ในป่าลึกภายในพื้นที่ อ.เตยฉ่า จ.ก๋วงหงาย ทางตะวันออกของเวียดนาม เขาไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับโลกภายนอกเลยแม้แต่น้อย ทั้งสองอาศัยอยู่ในบ้านต้นไม้ ยังชีพด้วยน้ำผึ้ง ผลไม้ป่า และพืชผักที่หาได้
ธันให้ลูกหลีกเลี่ยงการพบเจอผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อมีคนเริ่มถางป่าเพื่อทำไร่ไถนา หรือสร้างบ้านเรือนเข้ามาใกล้ เขาก็จะย้ายเข้าป่าลึกขึ้นไปเรื่อย ๆ
ครอบครัวออกตามหา
เวลาผ่านไปนาน จนกระทั่ง โฮ หวั่น จี๋ อายุได้ 12 ปี เขากับลุงก็ตัดสินใจเข้าป่าเพื่อตามหาพ่อและน้องชาย จนกระทั่งพบทั้งสองในป่าลึก ตอนแรกธันจำลูกชายไม่ได้ ต้องใช้เวลากว่าที่เขาจะรับรู้ว่าเด็กคนนี้คือใคร หลังจากนั้นเป็นต้นมา จี๋ก็จะเข้าป่าไปยังบ้านต้นไม้เพื่อน้ำข้าวสาร น้ำมัน และของที่จำเป็นอื่น ๆ ไปให้ทั้งสอง ปีละ 2 ครั้ง
ทาร์ซานออกสู่โลกภายนอกเป็นครั้งแรก
ธันและลังใช้ชีวิตเช่นนั้นเรื่อยมา จนกระทั่งในปี 2556 สุขภาพของธันย่ำแย่ลงด้วยอายุอานามที่แก่ชรา ครอบครัวจึงเข้าป่าไปหาและขอร้องให้มารักษา ลังก็ออกมาด้วย ซึ่งนั่นเป็นการกลับคืนสู่หมู่บ้านเป็นครั้งแรก หลังจากเติบโตในป่ามา 41 ปี
ครอบครัวและชาวบ้านพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อให้ทั้งสองกลับมาอยู่บ้านเหมือนเดิม แต่ธันไม่ยอมท่าเดียวและดึงดันว่าจะไปอยู่ในป่าเหมือนเดิม ในขณะเดียวกัน ลังที่ไม่เคยเจอผู้คนมาก่อน ไม่รู้จักผู้หญิง แทบไม่รู้ภาษา เปรียบเสมือนเด็กคนหนึ่ง กลับกล้าที่จะเรียนรู้ในสิ่งใหม่ และกลับมาอยู่บ้านในปี 2558
ชีวิตใหม่ในโลกภายนอก
โฮ หวั่น ลัง พยายามเรียนรู้ภาษา การเข้าหาผู้คน และหัดพูดคุยกับชาวบ้าน พี่ชายสอนให้เขารู้จักการใช้เงินและการซื้อขาย แต่ลังไม่ต่างจากเด็กน้อย เวลาเอาฟืนไปขาย เขาก็จะขนไปวางไว้ แล้วกลับบ้าน ไม่เอาเงินกลับมาด้วย จนพี่ชายต้องตามไปเก็บตลอด นอกจากนี้แล้ว ลังยังได้เรียนรู้การเลี้ยงควาย จนกลายเป็นสิ่งที่เขาถนัด แม้ตอนแรกจะกลัวมากก็ตาม
สำหรับเรื่องอื่น ๆ ลังไม่สนใจเลย เวลาผู้ชายมาชวนคุยเรื่องผู้หญิง เขาก็ไม่สนใจ สิ่งที่เขาชอบมีแค่การเคี้ยวหมากกับดื่มชาเท่านั้น เขาเคยหัดดื่มเหล้าเบียร์ตามพี่ชาย แต่ก็เกิดอาการแพ้ ซึ่งมันทำให้เขาหวาดกลัวมาก คิดว่ามันคือสิ่งที่ไม่ดี และบอกให้พี่เลิกเหล้า จนพี่ก็ยอมเลิกในที่สุด
ทาร์ซานหวนคืนสู่ป่า
ในปี 2560 หลังจากออกจากป่าได้ 2 ปี ธันก็เสียชีวิตจากไปด้วยวัยชรา พอเสียพ่อลังก็รู้สึกโดดเดี่ยว เขาหนีออกจากบ้านเข้าไปในป่าทุกคืน จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจกลับไปใช้ชีวิตดั่งเดิม เหมือน 41 ปีที่ผ่านมา โดยลังไปอาศัยอยู่ในป่า ไม่ไกลจากหมู่บ้านมาก ครอบครัวกับชาวบ้านช่วยกันสร้างกระท่อมเล็ก ๆ ให้เขาพออยู่ได้ ต่อท่อน้ำให้เขาไม่ลำบาก
อัปเดตล่าสุด ปัจจุบัน ลังในวัย 50 ปี กว่า ๆ มีความสุขกับการปลูกกล้วยและดื่มน้ำผึ้ง เขาจะเข้าหมู่บ้านเดือนละครั้งหรือสองครั้ง เพื่อเอานก หนู หรือเอากล้วยไปขาย ส่วนพี่ชายกับก็ไปหามาสู่และคอยดูแลตลอด รวมทั้งเขาของใช้ที่จำเป็นและเอาเสื้อผ้าไปให้
ลังพอสื่อสารได้ว่า เขาชื่นชอบฟังเสียงชาวบ้านพูดภาษาถิ่น และตื่นเต้นกับรถที่เต็มไปหมด แต่การเดินทางมาหมู่บ้านมันไกล และทำให้เขาเหนื่อยล้า เขาจึงไม่ขอออกมาถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ
ตอนนี้ โฮ หวั่น ลัง มีความสุขดีกับชีวิตเรียบง่ายในกระท่อมกลางป่าของเขา เพราะเขาเติบโตมากับธรรมชาติ และนั่นคือบ้านที่แท้จริงของเขา
ภาพจาก STR / AFP