โอลิมปิก 2020 กำลังจะเปิดฉาก ส่องบทวิเคราะห์ ไทยมีโอกาสได้เหรียญติดมือจากกีฬาชนิดใดบ้าง โดยมีสิทธิ์ได้เหรียญเร็วตั้งแต่วันแรกของการแข่งขัน จากเทควันโด แต่น่าเสียดายที่ยกน้ำหนักถูกแบน ทำให้หมดสิทธิ์คว้าเหรียญแบบ 100%
ภาพจาก FABRICE COFFRINI / AFP
หลังจากต้องเลื่อนมา 1 ปี เนื่องจากการระบาดของโควิด 19 ในที่สุดการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2020 ก็เดินทางมาถึงการแข่งขันจริง ๆ ในปี 2021 โดยวันที่ 23 กรกฎาคม จะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในเวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ตามเวลาในประเทศไทย
และในกระทู้นี้ จะมีการวิเคราะห์กันว่า โอลิมปิก 2020 ไทยมีโอกาสคว้าเหรียญติดมือกลับบ้านจากกีฬาชนิดใดได้บ้าง นอกจากความสำเร็จในแง่การแข่งขันแล้ว โบนัสที่ได้รับคือ คือ สร้างความปลื้มใจแก่คนไทยในช่วงวิกฤตรุมเร้าแบบนี้ ให้มีเรื่องดี ๆ เข้ามาให้รับรู้บ้าง
ภาพจาก KIRILL KUDRYAVTSEV / AFP
ย้อนสถิติการคว้าเหรียญในโอลิมปิกครั้งก่อน ๆ
เมื่อย้อนดูสถิติการคว้าเหรียญโอลิมปิกของไทยในช่วงหลัง ๆ กีฬาที่ไทยมักจะคว้าเหรียญได้ มีเพียง 3 ชนิดเท่านั้น ได้แก่
1. ยกน้ำหนัก
2. เทควันโด
3. มวยสากลสมัครเล่น
ฉะนั้น จึงสามารถสรุปได้ว่า โอลิมปิกครั้งนี้ กีฬาที่ไทยมีโอกาสคว้าเหรียญมากที่สุด จึงอยู่ที่กีฬา 3 ชนิดนี้เท่านั้น นอกจากนี้ สถิติก็ชี้ชัดว่า นับตั้งแต่ปี 2004 เป็นต้นมา กีฬาที่ไทยคว้าเหรียญกลับบ้านได้มากที่สุดคือ "ยกน้ำหนักหญิง"
อย่างไรก็ตาม ความโชคร้ายบังเกิด เมื่อกีฬายกน้ำหนักไทยถูกแบนจากการแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้ เนื่องจากผิดกฎการใช้สารกระตุ้น ทำให้ความหวังการคว้าเหรียญของไทย ลดน้อยลงไปอีก
ภาพจาก KIRILL KUDRYAVTSEV / AFP
กีฬาที่ไทยมีความหวังคว้าเหรียญมากที่สุด
ดังนั้น ความหวังของไทยจึงเหลืออยู่แค่ 2 ชนิดกีฬา ก็คือ เทควันโดกับมวยสากลสมัครเล่น ซึ่งเราจะมาลงรายละเอียดกันต่อในแต่ละชนิดกีฬาว่าเป็นอย่างไร โดยเรียงลำดับความหวังสูงสุด ดังนี้
1. เทควันโด
นับตั้งแต่โอลิมปิก 2004 ที่ไทยสร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทองแดงเทควันโดได้เป็นครั้งแรกจากวิว เยาวภา บุรพลชัย ภายใต้การฝึกสอนของโค้ชเช เช ยอง ซอก ชาวเกาหลีใต้ หลังจากนั้น กีฬาเทควันโดไทยก็พัฒนาอย่างก้าวกระโดด จนสามารถคว้าเหรียญติดมือมาได้ตลอด แต่ว่าก็ยังไม่สามารถคว้าเหรียญทองมาประดับวงการได้เสียที ได้มากสุดเพียงแค่เหรียญเงินเท่านั้น
ส่วนในโอลิมปิกครั้งนี้ เราก็ยังคงมีหวังที่จะคว้าเหรียญกลับบ้านเช่นเดิม โดยไทยได้ส่งตัวแทนมาแข่งขัน 2 คน ดังนี้
- เทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ในรุ่น 49 กิโลกรัมหญิง
- จูเนียร์ รามณรงค์ เสวกวิหารี ในรุ่น 58 กิโลกรัมชาย
เพียงแค่เห็นรายชื่อ หลายคนคงคุ้นชื่อของน้องเทนนิสเป็นอย่างดี เพราะเธอนั้นเคยคว้าเหรียญทองแดงในโอลิมปิก 2016 มาแล้ว และในครั้งนี้ เธอเป็นเต็ง 1 ของรายการจากการจัดลำดับการแบ่งสาย
ทว่า ก็มีคู่แข่งงานหินมาอยู่ร่วมสายของน้องเทนนิสก่อนถึงนัดชิงชนะเลิศ นั่นคือ ซิม แจ ยอง จากเกาหลีใต้ ที่สื่อนอกยกให้เป็นเต็ง 1 แทนน้องเทนนิส โดยเธอเป็นมือวางอันดับ 5 ของรายการ ถ้าหากทั้งคู่ไม่มีอะไรพลิกล็อก จะมาเจอกันในรอบรองชนะเลิศ
ส่วนจูเนียร์ รามณรงค์ คนนี้ก็มีดีกรีไม่ธรรมดาเช่นกัน เพราะเคยคว้าเหรียญทองแดงในเอเชียนเกมส์ 2014 มาแล้ว
สำหรับโปรแกรมการแข่งขันเทควันโดไทยทั้ง 2 คนนั้น จะแข่งขันกันในวันเดียวกัน คือ วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม นี้ ตั้งแต่รอบแรกจนถึงรอบชิงชนะเลิศ
- น้องเทนนิส เริ่มแข่งรอบแรกในเวลา 09.52 น. เป็นต้นไป ส่วนคู่แข่งรอพบผู้ชนะระหว่าง อิสราเอล กับ เปอร์โต ริโก
- จูเนียร์ เริ่มแข่งรอบแรกในเวลา 10.48 น. เป็นต้นไป โดยพบกับคู่แข่งจากออสเตรเลีย
ภาพจาก YURI CORTEZ / AFP
2. มวยสากลสมัครเล่น
เป็นกีฬาที่ไทยมักคว้าเหรียญมาได้เสมอ อย่างไรก็ตาม ช่วงหลังก็ต้องยอมรับว่าผลงานตกลงไป โดยโอลิมปิก 2016 ไทยไม่สามารถคว้าเหรียญจากกีฬาชนิดนี้ได้เลย นับเป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปีที่ไม่มีเหรียญติดมือ (ไม่นับรวมโอลิมปิก 1980 ที่ไทยบอยคอตต์ไม่เข้าร่วม) แต่ในครั้งนี้ก็ยังคงพอมีลุ้นได้บ้าง
โดยในครั้งนี้ ไทยส่งนักชกไป 4 คน ได้แก่
- ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี รุ่น 57 กิโลกรัมชาย
- จุฑามาศ จิตรพงศ์ รุ่น 51 กิโลกรัมหญิง
- สุดาพร สีสอนดี รุ่น 60 กิโลกรัมหญิง
- ใบสน มณีก้อน รุ่น 69 กิโลกรัมหญิง
ความจริงแล้ว ไทยส่งนักกีฬามา 5 คน แต่ธิติสรรณ์ ปั้นโหมด ในรุ่น 52 กิโลกรัม ได้ถอนตัวออกจากการแข่งขันหลังได้รับบาดเจ็บ
กีฬาชนิดอื่น ๆ ที่ยังพอมีลุ้น แม้ไม่เคยได้เหรียญ
แบดมินตัน
แม้ไม่เคยได้เหรียญโอลิมปิก แต่ชื่อเสียงของน้องเมย์ รัชนก ซึ่งตอนนี้เป็นมือ 6 ของโลก กับน้องครีม บุศนันท์ อึ้งบำรุงพันธ์ มือวางอันดับ 13 ของโลก ก็ยังพอทำให้ไทยมีลุ้นได้อยู่ โดยการแข่งขันแบดมินตัน ครั้งนี้ จะแข่งในรอบแบ่งกลุ่มก่อน และคัดคนที่ผลงานดีผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ต่อไป
ภาพจาก ADEK BERRY / AFP
สำหรับนักกีฬาที่ไทยส่งไปแข่งมีทั้งหมด 5 ประเภท ดังนี้
- รัชนก อินทนนท์ ประเภทหญิงเดี่ยว
- บุศนันท์ อึ้งบำรุงพันธ์ ประเภทหญิงเดี่ยว
- จงกลพรรณ กิติธารากุล กับ รวินดา ประจงใจ ประเภทหญิงคู่
- เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ประเภทคู่ผสม
- กันตภณ หวังเจริญ ประเภทชายเดี่ยว
ทั้งหมดนี้ก็คือกีฬาหลัก ๆ ที่ไทยมีโอกาสได้ลุ้นเหรียญกลับบ้าน โดยโอลิมปิกครั้งนี้ ไทยส่งนักกีฬาไปทั้งสิ้น 42 คน แม้จะมีจำนวนไม่มาก แต่ทุกคนก็ทำเต็มที่เพื่อคนไทยแน่นอน และบางทีโอลิมปิกครั้งนี้ อาจจะมีการคว้าเหรียญจากกีฬาชนิดอื่นที่ไม่ใช่ตัวเต็งหลักก็เป็นได้เช่นกัน