อึ้งแรง คุณยายสั่งขนมไทยจากตลาด ให้มาส่งที่นนทบุรี ด้วยความไม่คล่องเลยโอนเงินออก จาก 314 เป็น 31,400 ติดต่อไปบอกเอาเงินไปใช้หมดแล้ว ทำอย่างนี้ได้อย่างไร
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Sakon Taweesap
ในสภาวะที่ 13 จังหวัดถูกสั่งล็อกดาวน์แบบนี้ คนนับล้านต้องอยู่กับบ้านไปไหนมาไหนก็ลำบาก อีกทั้งยังกลัวจะติดโรคโควิด 19 จึงอาจมีความจำเป็นต้องพึ่งพาการส่งอาหารแบบเดลิเวอรี่ และการจับจ่ายใช้สอยแบบไร้เงินสด แต่ถึงกระนั้น ทุกครั้งก่อนที่จะโอนเงินออกแนะนำให้ตรวจสอบให้ดี โดยเฉพาะกับคนแก่ที่ยังไม่คุ้นชินกับเทคโนโลยี เพราะอาจจะโอนเงินผิดจนตามเงินกลับมาลำบาก
ล่าสุด เฟซบุ๊ก Sakon Taweesap ได้เผยเรื่องราวของคุณยายคนหนึ่ง ที่สั่งขนมไทยจากตลาดมาส่งให้ที่บ้าน โดยใช้บริการผ่านเดลิเวอรี่เจ้าดัง ซึ่งราคาอาหารรวมค่าจัดส่งอยู่ที่ 314 บาทเท่านั้น ทว่า คุณยายได้โอนเงินพร้อมเพย์ให้กับไรเดอร์ไป 31,400 บาท
เมื่อรู้ตัวว่าโอนผิด คุณยายก็ได้ติดต่อศูนย์เพื่อขอความข่วยเหลือ ทางศูนย์ก็คุยกับไรเดอร์ แต่ไรเดอร์บอกว่าเอาเงินไปใช้จนหมดแล้ว และจะติดต่อมาคืนเงินยายวันที่ 20 กรกฎาคม แต่พอถึงวันนัดคืนเงินยาย ปรากฏว่าไรเดอร์คนดังกล่าวหายตัวไป ติดต่อไม่ได้ กระทั่งทางต้นสังกัดเองด้วย
ล่าสุด (24 กรกฎาคม 2564) เพจ เรื่องเล่าเช้านี้ เผยความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ระบุว่า ไรเดอร์คนดังกล่าวสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป และได้ทำการโอนเงินคืนให้คุณยายเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ทุกอย่างจบลงด้วยดี
ต่อมา แกร็บ ประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ต่อกรณีดังกล่าว ตามรายละเอียดดังนี้
วันที่ 24 กรกฎาคม 2564
เรื่อง แถลงการณ์จาก แกร็บ ประเทศไทย กรณีผู้ใช้บริการโอนค่าบริการเกินจำนวนให้พาร์ทเนอร์คนขับ
เรียน ท่านสื่อมวลชน
จากกรณีที่มีการรายงานข่าวเกี่ยวกับผู้ใช้บริการที่สั่งอาหารผ่าน GrabFood ซึ่งได้โอนเงินค่าบริการเกินจำนวนไปให้พาร์ทเนอร์คนขับนั้น แกร็บ ประเทศไทย ขอเรียนชี้แจงในข้อเท็จจริงประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
บริษัทฯ ได้รับทราบถึงกรณีดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2564 และไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการลูกค้าได้ทำการติดต่อผู้ใช้บริการในทันทีเพื่อสอบถามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อประสานการให้ความช่วยเหลือ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้พยายามติดต่อพาร์ทเนอร์คนขับซึ่งถูกอ้างถึงเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและติดตามความคืบหน้าของกรณีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยในระหว่างที่มีการตรวจสอบและติดตามผล บริษัทฯ ได้ทำการระงับสัญญาณการให้บริการของพาร์ตเนอร์คนขับรายดังกล่าวเป็นการชั่วคราว
จากการติดตามและประสานงานอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด (วันที่ 24 กรกฎาคม 2564 เวลา 11.18 น.) พาร์ทเนอร์คนขับรายดังกล่าวได้ทำการโอนเงินส่วนเกินเพื่อคืนให้กับผู้ใช้บริการแล้ว โดยได้ส่งสลิปการโอนเงินผ่านทางธนาคารให้กับบริษัทฯ เพื่อเป็นหลักฐานยืนยัน ซึ่งผู้ใช้บริการได้รับเงินจำนวนดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถพิสูจน์และระบุว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือเข้าข่ายการก่ออาชญากรรม บริษัทฯ จะดำเนินการระงับสัญญาณการให้บริการกับพาร์ตเนอร์คนขับเป็นการถาวร ซึ่งถือเป็นมาตรการขั้นสูงสุด
ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอยืนยันว่า แกร็บให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจโดยเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยได้ส่งเสริมให้พาร์ทเนอร์คนขับปฏิบัติตาม "จรรยาบรรณของพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บ" ซึ่งครอบคลุมถึงประเด็นด้านการปฏิบัติตามกฏหมาย เพื่อรักษามาตรฐานที่ดีและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการทุกคน
ขอแสดงความนับถือ
แกร็บ ประเทศไทย
ต่อมา แกร็บ ประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ต่อกรณีดังกล่าว ตามรายละเอียดดังนี้
วันที่ 24 กรกฎาคม 2564
เรื่อง แถลงการณ์จาก แกร็บ ประเทศไทย กรณีผู้ใช้บริการโอนค่าบริการเกินจำนวนให้พาร์ทเนอร์คนขับ
เรียน ท่านสื่อมวลชน
จากกรณีที่มีการรายงานข่าวเกี่ยวกับผู้ใช้บริการที่สั่งอาหารผ่าน GrabFood ซึ่งได้โอนเงินค่าบริการเกินจำนวนไปให้พาร์ทเนอร์คนขับนั้น แกร็บ ประเทศไทย ขอเรียนชี้แจงในข้อเท็จจริงประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
บริษัทฯ ได้รับทราบถึงกรณีดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2564 และไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการลูกค้าได้ทำการติดต่อผู้ใช้บริการในทันทีเพื่อสอบถามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อประสานการให้ความช่วยเหลือ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้พยายามติดต่อพาร์ทเนอร์คนขับซึ่งถูกอ้างถึงเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและติดตามความคืบหน้าของกรณีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยในระหว่างที่มีการตรวจสอบและติดตามผล บริษัทฯ ได้ทำการระงับสัญญาณการให้บริการของพาร์ตเนอร์คนขับรายดังกล่าวเป็นการชั่วคราว
จากการติดตามและประสานงานอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด (วันที่ 24 กรกฎาคม 2564 เวลา 11.18 น.) พาร์ทเนอร์คนขับรายดังกล่าวได้ทำการโอนเงินส่วนเกินเพื่อคืนให้กับผู้ใช้บริการแล้ว โดยได้ส่งสลิปการโอนเงินผ่านทางธนาคารให้กับบริษัทฯ เพื่อเป็นหลักฐานยืนยัน ซึ่งผู้ใช้บริการได้รับเงินจำนวนดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถพิสูจน์และระบุว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือเข้าข่ายการก่ออาชญากรรม บริษัทฯ จะดำเนินการระงับสัญญาณการให้บริการกับพาร์ตเนอร์คนขับเป็นการถาวร ซึ่งถือเป็นมาตรการขั้นสูงสุด
ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอยืนยันว่า แกร็บให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจโดยเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยได้ส่งเสริมให้พาร์ทเนอร์คนขับปฏิบัติตาม "จรรยาบรรณของพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บ" ซึ่งครอบคลุมถึงประเด็นด้านการปฏิบัติตามกฏหมาย เพื่อรักษามาตรฐานที่ดีและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการทุกคน
ขอแสดงความนับถือ
แกร็บ ประเทศไทย
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Sakon Taweesap