สรุปดราม่า กระบะป้ายแดงบดขยี้เก๋ง โอละพ่อซ้ำรอบ 2 สุดท้ายเรื่องจบลงเพราะปลาคาร์พ

           ดราม่ากระบะป้ายแดงบดขยี้เก๋ง โอละพ่อซ้ำ 2 เรื่องราวพลิกจากข่าวเก่าอีกครั้ง งานนี้คนที่ถือมีดฟัน ไม่ใช่คนแปลกหน้า แต่เป็นคนที่มาด้วยกัน ก่อนที่เรื่องนี้จะจบลงเพราะเคยซื้อขายปลาคาร์พกัน



            จากกรณีที่เกิดเรื่องดังสนั่นโซเชียล เมื่อรถกระบะป้ายแดงขับรถเบียดเก๋งขาวจนชิดขอบ พังยับเยิน ก่อนมีคนใช้มีดไล่ฟันคู่กรณี และมีชายหัวเกรียนอีกคนถือปืนพร้อมต่อสู้ ซึ่งภายหลังมีการเปิดเผยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความเข้าใจผิดที่มาจากการหยอกล้อกันเท่านั้น และหนึ่งในคู่กรณีก็เป็นตำรวจด้วย ส่วนชายที่ถือมีดนั้นเป็นใครก็ไม่รู้

อ่านข่าว : คลิปกระบะป้ายแดงบดขยี้เก๋ง ใช้มีดไล่ฟันซ้ำ คาดอาจเป็นเรื่องโอละพ่อ-รับเป็น จนท. จริง

            ล่าสุด วันที่ 30 กรกฎาคม 2564 เฟซบุ๊ก โปลิศไทยแลนด์ - Police Thailand News รายงานว่า พ.ต.ท. ชรินทร์ อิ่มเอม รองผกก.(สอบสวน) สน.ประเวศ ชี้แจงถึงรายละเอียดเรื่องดังกล่าวว่า ด.ต. อดิศร ทุมมาโต อายุ 44 ปี ผู้ก่อเหตุ เป็นตำรวจใน จ.สมุทรปราการ ขับรถกระบะมากับลูกน้องคือ นายชาครินทร์ ชัยมงคล วัย 38 ปี คนถือมีด เพื่อมาซื้อของย่านลาดกระบัง ก่อนมาเจอรถเก๋งคู่กรณี

            หลังจากนั้น เก๋งก็ขับปาดหน้ากันจนเฉี่ยวชนท้ายรถ คู่กรณีไม่ยอมหยุด ทำให้กระบะต้องขับรถไล่ตามจนมาถึงจุดเกิดเหตุ ด.ต. อดิศร ก็ขับปาดหน้าเพื่อให้หยุด ส่วนนายชาครินทร์ ก็ลงจากรถไปทุบรถตามที่เห็นในคลิป ซึ่งยืนยันว่า คนที่ทุบรถไม่ใช่ตำรวจ และจากการตรวจสุขภาพเบื้องต้น พบว่านายชาครินทร์ติดโควิด 19 ด้วย เมื่อเหตุการณ์จบลง คนขับรถเก๋งก็ลงมาจากรถ ตนจำได้ว่าเคยซื้อปลาคาร์พกัน จึงตกลงกันได้ด้วยดี

            เบื้องต้น คนขับรถเก๋งถูกแจ้งข้อหา ขับรถโดยไม่ถึงความปลอดภัยของผู้อื่น ส่วน ด.ต. อดิศร ถูกแจ้งข้อหามีและใช้อาวุธโดยไม่ได้รับอนุญาต, นำพาอาวุธปืนออกไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร, ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย อาจให้เกิดอันตรายแก่ผู้อื่น

            ขณะที่นายชาครินทร์ ถูกแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายและทำให้ทรัพย์สินเสียหาย เมื่อตรวจสอบประวัติก็มีหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการติดตัวอยู่ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดซึ่งหน้า และเป็นการเดินทางมาพบพนักงานสอบสวน จึงมีการปล่อยตัวชั่วคราว และจะนัดหมายใหม่อีกครั้งเมื่อทำสำนวนเสร็จสิ้น ส่งพนักงานอัยการ

ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก โปลิศไทยแลนด์ - Police Thailand News