คีริน ตันติเวทย์ แม้ไม่ได้เหรียญในโอลิมปิก 2020 ในการแข่งวิ่ง 10,000 เมตรชาย แต่นี่คือประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการกีฬาที่ต้องจารึกตลอดไป กว่าที่จะมาแข่งได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย

1. คนแรกในประวัติศาสตร์ไทยที่ได้แข่งขันในโอลิมปิก ประเภท 10,000 เมตร
คีริน เริ่มมีชื่อเสียงจากการคว้าเหรียญทองซีเกมส์ 2019 แล้วไม่อยู่รับเหรียญ เดินทางกลับประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อไปสอบต่อทันที ส่วนในโอลิมปิกครั้งนี้ ก็สามารถผ่านรอบคัดเลือก เป็นคนไทยคนแรกที่ได้เข้าร่วมประเภทนี้ จึงนับว่าเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ของวงการกรีฑาไทยเลยทีเดียว
2. รอบคัดเลือกแสนหฤโหด
นอกจากนี้ การแข่งขันโอลิมปิก ใช่ว่าใครจะมาแข่งก็ได้ เพราะมันต้องมีรอบคัดเลือกมาก่อน ซึ่งรอบคัดเลือกของการวิ่งนั้น คนที่จะผ่านมาแข่งขันในระยะ 10,000 เมตรได้ ต้องวิ่งให้ได้ภายใน 27.28 นาที ถึงจะผ่านรอบคัดเลือก ซึ่งคีรินก็ทำได้สำเร็จ เรียกได้ว่า งานนี้แข่งกับตัวเองล้วน ๆ แบบนี้จะไม่ชมได้ยังไง
ทั้งนี้ โม ฟาร่าห์ นักวิ่งจากทีมสหราชอาณาจักร แชมป์เก่าผู้ทำสถิติสุดโหดจากการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกวิ่ง 10,000 เมตร และ 5,000 เมตร ในการแข่งขันโอลิมปิกลอนดอน 2012-ริโอ 2016 รวมเป็น 4 เหรียญทอง ยังไม่สามารถผ่านคัดเลือกแข่งขันในกีฬาวิ่ง 10,000 เมตรในโอลิมปิก 2020 ได้ เนื่องจากสถิติเวลาโม ฟาร่าห์ ทำได้นั้นอยู่ที่ 27:47 น. ไม่ผ่านการตัดตัวที่เวลา 27.28 น. แต่คีรินทำได้ ซึ่งถือว่ายอดเยี่ยมสุด ๆ

3. แม้ไม่ได้เหรียญมาครอง แต่ก็วิ่งจนจบ
แม้ว่าอันดับของคีรินคืออันดับ 23 และเป็นคนสุดท้ายที่วิ่งเข้าเส้นชัยได้ แต่ความจริงแล้ว ยังมีนักวิ่งอีก 2 คน ที่วิ่งไม่จบรอบ ฉะนั้น การที่คีรินวิ่งจนเข้าเส้นชัยได้ ก็นับว่าเก่งมากแล้ว อีกทั้งอากาศที่ญี่ปุ่นรอบนี้ค่อนข้างร้อน ไม่เอื้อต่อการวิ่ง ทำให้สถิติแต่ละคนล้วนแย่กว่ารอบคัดเลือกกันหมด แม้กระทั่งเหรียญทองจากเอธิโอเปีย (27.43.22 นาที) ก็ยังไม่รอด ถ้าเอาสถิติการวิ่งรอบนี้ไปใช้ในรอบคัดเลือก ทุกคนคงตกรอบกันหมด
**หมายเหตุ อัปเดตข้อมูลล่าสุดเมื่อเวลา 23.10 น. วันที่ 31 กรกฎาคม 2564
