หนุ่มกร่าง จับหน้าอกแอร์ฯ - ต่อยลูกเรือ ลั่นพ่อแม่รวย ก่อนโดนมัด พันเทปปิดปาก

        หนุ่มเมากร่าง จับหน้าอกแอร์โฮสเตสสาว 2 คน ต่อยลูกเรือชาย ตะโกนลั่นพ่อแม่รวย ก่อนโดนจับมัดกับที่นั่ง พันเทปปิดปาก

         วันที่ 3 กรกฎาคม 2564 เว็บไซต์นิวยอร์กไทม์ส และเอพี รายงานว่า เกิดเหตุชุลมุนขึ้นบนเครื่องบินของสายการบินฟรอนเทียร์ แอร์ไลน์ส ของสหรัฐอเมริกา เที่ยวบิน 2289 ภายหลังจากออกเดินทางจากเมืองฟิลาเดลเฟีย ในรัฐเพนซิลเวเนีย มุ่งไปยังไมอามี ในรัฐฟลอริดา เมื่ออยู่ ๆ มีผู้โดยสารชายรายหนึ่งเมาแล้วก่อวีรกรรมฉาว

         รายงานเผยว่า ผู้โดยสารชายรายนี้ถูกกล่าวหาว่าจับหน้าอกของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน 2 ราย อีกทั้งยังชกต่อยทำร้ายร่างกายลูกเรือชายที่เข้าไปปรามให้เจ้าตัวสงบสติอารมณ์ ก่อนสุดท้ายจะโดนจับ โดยมีการใช้เข็มขัดนิรภัยและเทปมัดติดกับที่นั่ง พร้อมทั้งปิดปากเขาเอาไว้ด้วย

         จากคลิปวิดีโอที่มีการเผยแพร่ในสื่อออนไลน์จะเห็นว่า ผู้โดยสารต่างพากันแตกตื่นในสถานการณ์ที่วุ่นวาย ชายรายดังกล่าวโวยวายเสียงดังไม่ยอมให้พนักงานควบคุมตัวง่าย ๆ ตะโกนด่ากราดหยาบคาย ทั้งยังบอกว่าพ่อแม่ของเขารวยมาก มีเงินมากกว่า 2 ล้านดอลลาร์ (ราว 66 ล้านบาท)

ภายหลังจากเครื่องบินลงจอด ชายรายดังกล่าวถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว ทราบชื่อคือ แม็กซ์เวลล์ เบอร์รี่ อายุ 22 ปี จากการสอบสวนทราบว่า เหตุการณ์เริ่มจากเบอร์รี่สั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 3 ครั้ง โดยในครั้งที่ 3 เขาเอาแก้วเปล่ามาถูกับด้านหลังของพนักงานหญิง ที่เตือนไม่ให้เขาสัมผัสตัวเธอ จากนั้นเขาก็ทำเครื่องดื่มทำหกใส่เสื้อ ก่อนจะไปเข้าห้องน้ำแล้วออกมาในสภาพไม่สวมเสื้อ

         ทางพนักงานต้อนรับหญิงพยายามช่วยเอาเสื้อตัวใหม่ออกจากกระเป๋าของเขาให้ ในขณะที่เบอร์รี่เดินไปเดินมาอยู่ประมาณ 15 นาที พนักงานต้อนรับหญิงอีกรายเข้าไปบอกให้เขานั่งลงอยู่ในความสงบ แต่กลับโดนจับหน้าอก และเขายังฉวยโอกาสเอาแขนโอบพนักงานต้อนรับหญิง 2 คน แล้วจับหน้าอกของพวกเธอพร้อมกัน ก่อนที่พนักงานต้อนรับชายจะเข้ามาห้าม แต่กลับถูกเบอร์รี่ต่อยหน้า

         เบอร์รี่ถูกตั้งข้อหาความผิดทางอาชญากรรม 3 ข้อหา ซึ่งรวมถึงการคุกคามทางเพศและทำร้ายร่างกาย ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวไปชั่วคราว ด้วยเงินประกัน 1,500 ดอลลาร์ (ราว 50,000 บาท)

         ภายหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นประเด็นที่วิพากษฺวิจารณ์ ทางสายการบินได้ออกแถลงการณ์ ระบุว่า ทางสายการบินได้ทำงานร่วมกับทางตำรวจเพื่อดำเนินคดีทางกฎหมายกับผู้โดยสารรายดังกล่าว ส่วนพนักงานต้อนรับชายผู้ที่จับผู้โดยสารมัด ถูกสั่งพักงานชั่วคราวในระหว่างรอการสอบสวน

ขอบคุณข้อมูลจาก The New York Times, AP