สรุปดราม่าปิยะพงษ์ ผิวอ่อน หลังลูกชายอย่างแตงโม พงษ์พิสุทธิ์ จ่อฟ้องเกรียนคีย์บอร์ดกล่าวหาว่า ล้มบอล ขอทวงความยุติธรรมให้พ่อ แม้อีกฝ่ายจะขอโทษและลบข้อความ ก็จะรับคำขอโทษเป็นเงินเท่านั้น
วันที่ 4 สิงหาคม 2564 กลายเป็นดราม่าที่กำลังระอุในวงการฟุตบอลไทย เมื่อจู่ ๆ แตงโม พงษ์พิสุทธิ์ ผิวอ่อน ลูกชายของปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ตำนานกองหน้าทีมชาติไทย โพสต์ข้อความเตรียมฟ้องเกรียนคีย์บอร์ด ระบุว่า มีการตั้งทนายเรียบร้อย กำลังจะส่งฟ้องศาลอาญา พร้อมบอกอีกฝ่ายว่า เตรียมเงินไว้เยอะ ๆ เลยครับ รับคำขอโทษเป็นเงินสด อยากเห็นสีหน้าตอนตำรวจจับขึ้นมา ซึ่งเรื่องนี้ทำให้หลายคนงงว่า ที่มาที่ไปนั้นเป็นอย่างไร วันนี้กระปุกดอทคอมจะมาสรุปให้อ่านถึงต้นเรื่องกัน ดังนี้
ตอนนี้ทีมฟุตบอลทีมชาติไทยชุดใหญ่ กำลังอยู่ในสถานะที่ไม่มีหัวหน้าผู้ฝึกสอน หลังจากที่แยกทางกับอากิระ นิชิโนะ อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวญี่ปุ่น ดังนั้น ทางเฟซบุ๊ก ฟุตบอลทีมชาติไทย จึงทำโพลขึ้นมาว่า "ถ้าเลือกโค้ชคนไทยได้ 1 คน อยากให้ใครมาทำหน้าที่แทนนิชิโนะ"
ในตัวเลือกนั้นมีอยู่ด้วยกัน 3 คน ได้แก่ โค้ชแบน ธชตวัน ศรีปาน, โค้ชซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง และโค้ชตุ๊ก ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน
ดูเผิน ๆ ประเด็นนี้ก็ไม่น่าจะมีดราม่าอะไร แต่กลับมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง เข้ามาบอกว่า "ไม่เอาปิยะพงษ์แน่นอน ได้แชมป์ไทยลีกตอนคุมทหารอากาศ ถ้าไม่มีเรื่องล้มบอลก็ไม่ได้หรอก"
ต่อมา แตงโม ลูกปิยะพงษ์ เข้ามาเห็นข้อความนี้ จึงตอบว่า "ผมจะฟ้องร้องคุณแน่นอนนะครับ ไม่ต้องมาขอโทษ จะเรียกค่าหมิ่นประมาทอย่างที่คุณคาดไม่ถึง และจะต้องเสียใจกับการโพสต์ครั้งนี้แน่นอน ขอให้เก่งแบบนี้นะครับ ตอนขึ้นศาลไม่รับคำขอโทษแน่นอน รับค่าปรับและเงินชดเชยเท่านั้น"
จากนั้น ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่กล่าวหาปิยะพงษ์ ได้แชตส่วนตัวมาขอโทษแตงโม บอกว่า ผมลบให้แล้วนะครับ อย่างไรก็ตาม แตงโม ตอบว่า "ไม่ทันแล้วครับ เจอกันที่ศาลตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ คุณนึกสนุก ผลคุณก็รับไปครับ คุณด่าคนอื่นโดยไม่มีหลักฐานหรือความจริงก็ตามนั้น"
หลังจากนั้น แตงโม โพสต์ระบายความรู้สึกอย่างเจ็บปวดถึงการที่คุณพ่อถูกโจมตีว่า ในอดีตมีคนกล่าวหาพ่อผมมากมาย ทั้งที่พ่อผมตั้งใจทั้งแรงกาย แรงใจ เสียสละหยาดเหงื่อทำชื่อเสียงให้ประเทศชาติ แต่กลับได้รับการกระทำแบบนั้น ซึ่งตอนนั้นผมยังเด็ก ยังไม่สามารถทำอะไรได้ ในปัจจุบันพ่อผมเป็นคนที่รักฟุตบอลอยู่ในสายเลือด และพยายามช่วยพัฒนาวงการของฟุตบอลไทยในส่วนที่ตัวเองสามารถทำได้
สุดท้ายพ่อกลับถูกกล่าวหาเช่นนี้ ผมจึงไม่สามารถยอมให้ใครมาทำร้ายคุณพ่อผมเด็ดขาด เพราะมันเป็นสิ่งที่รับไม่ได้อีกต่อไป ผมปล่อยให้พวกคุณทำร้ายพ่อผมนานเกินไปแล้ว
วันนี้ผมจะลุกขึ้นมาทวงความยุติธรรมให้พ่อผม นับจากนี้จะไม่มีคนไหนมาทำร้ายและทำลายความตั้งใจในความรักฟุตบอลไทยของพ่อผมได้อีก
หลังจากนี้ เรื่องดังกล่าวคงไปถึงศาล ก็ต้องรอดูกันต่อว่า บทสรุปของคดีจะเป็นอย่างไรต่อไป
วันที่ 4 สิงหาคม 2564 กลายเป็นดราม่าที่กำลังระอุในวงการฟุตบอลไทย เมื่อจู่ ๆ แตงโม พงษ์พิสุทธิ์ ผิวอ่อน ลูกชายของปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ตำนานกองหน้าทีมชาติไทย โพสต์ข้อความเตรียมฟ้องเกรียนคีย์บอร์ด ระบุว่า มีการตั้งทนายเรียบร้อย กำลังจะส่งฟ้องศาลอาญา พร้อมบอกอีกฝ่ายว่า เตรียมเงินไว้เยอะ ๆ เลยครับ รับคำขอโทษเป็นเงินสด อยากเห็นสีหน้าตอนตำรวจจับขึ้นมา ซึ่งเรื่องนี้ทำให้หลายคนงงว่า ที่มาที่ไปนั้นเป็นอย่างไร วันนี้กระปุกดอทคอมจะมาสรุปให้อ่านถึงต้นเรื่องกัน ดังนี้
จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้
ตอนนี้ทีมฟุตบอลทีมชาติไทยชุดใหญ่ กำลังอยู่ในสถานะที่ไม่มีหัวหน้าผู้ฝึกสอน หลังจากที่แยกทางกับอากิระ นิชิโนะ อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวญี่ปุ่น ดังนั้น ทางเฟซบุ๊ก ฟุตบอลทีมชาติไทย จึงทำโพลขึ้นมาว่า "ถ้าเลือกโค้ชคนไทยได้ 1 คน อยากให้ใครมาทำหน้าที่แทนนิชิโนะ"
ในตัวเลือกนั้นมีอยู่ด้วยกัน 3 คน ได้แก่ โค้ชแบน ธชตวัน ศรีปาน, โค้ชซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง และโค้ชตุ๊ก ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน
ดูเผิน ๆ ประเด็นนี้ก็ไม่น่าจะมีดราม่าอะไร แต่กลับมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง เข้ามาบอกว่า "ไม่เอาปิยะพงษ์แน่นอน ได้แชมป์ไทยลีกตอนคุมทหารอากาศ ถ้าไม่มีเรื่องล้มบอลก็ไม่ได้หรอก"
แตงโม พงษ์พิสุทธิ์ เข้ามาเห็นข้อความ
ต่อมา แตงโม ลูกปิยะพงษ์ เข้ามาเห็นข้อความนี้ จึงตอบว่า "ผมจะฟ้องร้องคุณแน่นอนนะครับ ไม่ต้องมาขอโทษ จะเรียกค่าหมิ่นประมาทอย่างที่คุณคาดไม่ถึง และจะต้องเสียใจกับการโพสต์ครั้งนี้แน่นอน ขอให้เก่งแบบนี้นะครับ ตอนขึ้นศาลไม่รับคำขอโทษแน่นอน รับค่าปรับและเงินชดเชยเท่านั้น"
จากนั้น ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่กล่าวหาปิยะพงษ์ ได้แชตส่วนตัวมาขอโทษแตงโม บอกว่า ผมลบให้แล้วนะครับ อย่างไรก็ตาม แตงโม ตอบว่า "ไม่ทันแล้วครับ เจอกันที่ศาลตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ คุณนึกสนุก ผลคุณก็รับไปครับ คุณด่าคนอื่นโดยไม่มีหลักฐานหรือความจริงก็ตามนั้น"
แตงโม โพสต์เล่าเรื่องพ่อ
หลังจากนั้น แตงโม โพสต์ระบายความรู้สึกอย่างเจ็บปวดถึงการที่คุณพ่อถูกโจมตีว่า ในอดีตมีคนกล่าวหาพ่อผมมากมาย ทั้งที่พ่อผมตั้งใจทั้งแรงกาย แรงใจ เสียสละหยาดเหงื่อทำชื่อเสียงให้ประเทศชาติ แต่กลับได้รับการกระทำแบบนั้น ซึ่งตอนนั้นผมยังเด็ก ยังไม่สามารถทำอะไรได้ ในปัจจุบันพ่อผมเป็นคนที่รักฟุตบอลอยู่ในสายเลือด และพยายามช่วยพัฒนาวงการของฟุตบอลไทยในส่วนที่ตัวเองสามารถทำได้
สุดท้ายพ่อกลับถูกกล่าวหาเช่นนี้ ผมจึงไม่สามารถยอมให้ใครมาทำร้ายคุณพ่อผมเด็ดขาด เพราะมันเป็นสิ่งที่รับไม่ได้อีกต่อไป ผมปล่อยให้พวกคุณทำร้ายพ่อผมนานเกินไปแล้ว
วันนี้ผมจะลุกขึ้นมาทวงความยุติธรรมให้พ่อผม นับจากนี้จะไม่มีคนไหนมาทำร้ายและทำลายความตั้งใจในความรักฟุตบอลไทยของพ่อผมได้อีก
หลังจากนี้ เรื่องดังกล่าวคงไปถึงศาล ก็ต้องรอดูกันต่อว่า บทสรุปของคดีจะเป็นอย่างไรต่อไป
