เปิดนาทีซ้อนแผนจับ ผอ. โรงพยาบาลบางกรวย เรียกรับเงินใต้โต๊ะเกือบแสน ดิ้นไม่หลุดคาหลักฐานเงินสด ยังอ้างจะเอาเงินไปใช้จ่ายในโรงพยาบาล พบโดนร้องเรียนลักษณะนี้หลายครั้ง
วันที่ 5 สิงหาคม 2564 เที่ยงวันทันเหตุการณ์ รายงานว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) สนธิกำลังกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ร่วมกันจับกุม นายวิชัย รัตนภัณฑ์พาณิชย์ อายุ 53 ปี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางกรวย จ.นนทบุรี ขณะกำลังรับเงินของกลาง 93,000 บาท จากผู้รับเหมาระบบคอมพิวเตอร์ของโรงพยาบาล ซึ่งเป็นเงินที่เจ้าหน้าที่ใช้ทำการล่อจับ
โดยเจ้าหน้าที่ ได้ให้ผู้รับเหมาเข้าไปมอบเงินตามที่นัดหมายกันไว้ก่อน จากนั้นจึงส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ บุกเข้าจับกุมตัวที่ห้องทำงาน พร้อมหลักฐานเงินสด และหลักฐานอีกจำนวนหนึ่งนำมาตรวจสอบ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ToKo
ทั้งนี้ พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. กล่าวว่า การจับกุมสืบเนื่องจากได้รับแจ้งความร้องทุกข์จากผู้เสียหาย ให้ช่วยตรวจสอบ ผอ. คนดังกล่าว หลังจากผู้เสียหายเข้าไปประมูลจัดซื้อจัดจ้างติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ภายในโรงพยาบาล ซึ่งมีมูลค่ากว่า 280,000 บาท แต่ ผอ. เรียกรับเงินส่วนต่าง 15 เปอร์เซ็นต์ ก่อนที่จะขอขยับเพิ่มเป็น 35 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 93,000 บาท ผู้เสียหายเห็นว่าเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ เพราะจะทำให้ทางผู้รับเหมาขาดทุนอย่างมาก จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความกับ บก.ปปป. และนัดมอบส่งเงินกัน จึงทำสัญลักษณ์ไว้ที่เงินของกลาง เมื่อ ผอ. รับเงินแล้ว ตำรวจก็แสดงตัวเข้าจับกุมทันที
ด้าน นายภูมิวิศาล เกษมศุข รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. เผยว่า จากนี้จะเร่งรวบรวมข้อมูล เพื่อใช้ในการขยายผล ตรวจสอบเส้นทางการเงินและข้อมูลเกี่ยวข้องกับการทุจริตต่าง ๆ และฝากไปถึงผู้ประกอบการที่อาจถูกข้าราชการเรียกรับผลประโยชน์ ให้ร้องเรียนทางสายด่วน 1206 จากคดีนี้เป็นตัวอย่างว่า เจ้าหน้าที่พร้อมดำเนินการตรวจสอบ และหากพบว่ามีความผิดจริงก็จะประสานให้ตำรวจเข้าตรวจสอบจับกุมต่อไป
ทั้งนี้ ภายหลังเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว ผอ. มาสอบปากคำที่ บก.ปปป. เลขานุการของผู้ต้องหาได้นำเงินสด 500,000 บาท มาขอประกันตัว ซึ่งพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ โดยขั้นตอนหลังจากนี้ตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐานทำสำนวนคดีส่งให้สำนักงาน ป.ป.ช. พิจารณาชี้มูลความผิด ก่อนส่งเรื่องให้ศาลพิจารณาความผิดต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์