บุกจับอดีต รอง ผกก. คาห้องพักใน สภ.เมืองนนทบุรี หลังสวมรอยเป็นพนักงานสอบสวนเรียกเงินใต้โต๊ะผู้ต้องหา 1 แสนบาท อ้างสามารถช่วยให้หลุดคดีได้
![บุกรวบ อดีตรอง ผกก. เรียกเงินใต้โต๊ะ 1 แสน บุกรวบ อดีตรอง ผกก. เรียกเงินใต้โต๊ะ 1 แสน]()
ภาพจาก สำนักข่าว INN
วันที่ 10 สิงหาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองนนทบุรี ร่วมกับเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ปฏิบัติการซ้อนแผนเข้าแสดงตนจับกุม พ.ต.ท. ประชา อดีตรอง ผกก. (หัวหน้าพนักงานสอบสวน) สภ.เมืองนนทบุรี หลังสวมรอยเป็นพนักงานสอบสวน เรียกเงินใต้โต๊ะ
โดยเจ้าหน้าที่ได้แสดงตนเข้าจับกุม ขณะ พ.ต.ท. ประชา รับเงินของกลางจำนวน 100,000 บาท จากผู้เสียหายที่ร้องทุกข์มายัง บก.ปปป. ซึ่งเป็นเงินที่เจ้าหน้าที่ใช้ทำการล่อจับ โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่ห้องทำงาน สภ.เมืองนนทบุรี พร้อมแจ้งดำเนินคดีใน 2 ข้อหา คือข้อหาฉ้อโกง และข้อหาแสดงตนเป็นบุคคลอื่น เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ แต่ยอมรับว่าไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเกษียณอายุราชการมาแล้วเป็นเวลา 6 ปี
![บุกรวบ อดีตรอง ผกก. เรียกเงินใต้โต๊ะ 1 แสน บุกรวบ อดีตรอง ผกก. เรียกเงินใต้โต๊ะ 1 แสน]()
ภาพจาก สำนักข่าว INN
จากการตรวจสอบพบว่า พ.ต.ท. ประชา ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะตำรวจที่ สภ.เมืองนนทบุรี เป็นเวลากว่า 20 ปี โดยเกษียณอายุราชการเมื่อปี 2558 ด้าน พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.บก.ปปป. เปิดเผยว่า ได้รับการแจ้งความร้องทุกข์จากผู้เสียหาย จึงได้ตรวจสอบและส่งเรื่องต่อให้เจ้าหน้าที่ สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อเตรียมแผนซ้อนจับกุมในครั้งนี้
ขณะที่ นายอัจฉริยะ ได้เปิดเผยถึงพฤติการณ์ของอดีตนายตำรวจคนดังกล่าวว่า ตนได้รับเรื่องร้องทุกข์จากผู้เสียหาย คือ นายสมศักดิ์ วาสุโพธิ์ ผู้เสียหายในคดีฉ้อโกงที่ดิน พร้อมกับนายจีระพงษ์ ทนายความ ซึ่งผู้เสียหายเคยถูกเรียกให้เข้าไปพบพนักงาน จากนั้นมีการเรียกรับเงินใต้โต๊ะ โดยอดีตนายตำรวจได้ทำหน้าที่เป็นพนักงานสอบสวนทุกขั้นตอน ทั้งส่งหมาย และสอบปากคำ จนกระทั่งได้เผยพฤติการณ์เรียกรับเงิน แต่เมื่อตรวจสอบข้อมูล สภ.นนทบุรี กลับไม่พบภาพของอดีตนายตำรวจ จึงได้ทำเรื่องร้องเรียนมายังนายอัจฉริยะ และ บก.ปปป. เพื่อให้ตรวจสอบเพิ่มเติม
ด้านทนายความของผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เคยพูดคุยกับอดีตนายตำรวจคนดังกล่าว พบว่าได้เรียกรับเงินแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ จ่าย 100,000 บาท เพื่อให้สำนวนอ่อนลง หรือจะจ่ายเพิ่มแต่ไม่ได้ระบุจำนวนเงินเพื่อให้ผู้เสียหาหลุดพ้นจากคดี
ส่วน พ.ต.อ. ยรรยง สันติปรีชาวัฒน์ รองผบก.ภ.จว.นนทบุรี เปิดเผยว่า กรณีการสวมรอยเป็นพนักงานสอบสวนของอดีตนายตำรวจคนดังกล่าวนั้น อยู่ในขั้นตอนของการจับกุมขอให้เป็นไปตามกระบวนการและอยู่ระหว่างการตรวจสอบพยานหลักฐาน พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีการช่วยเหลือกันในหลุดพ้นคดีอย่างแน่นอน ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังอยู่ในระหว่างการสอบสวน
![บุกรวบ อดีตรอง ผกก. เรียกเงินใต้โต๊ะ 1 แสน บุกรวบ อดีตรอง ผกก. เรียกเงินใต้โต๊ะ 1 แสน]()
ภาพจาก สำนักข่าว INN
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN

ภาพจาก สำนักข่าว INN
วันที่ 10 สิงหาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองนนทบุรี ร่วมกับเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ปฏิบัติการซ้อนแผนเข้าแสดงตนจับกุม พ.ต.ท. ประชา อดีตรอง ผกก. (หัวหน้าพนักงานสอบสวน) สภ.เมืองนนทบุรี หลังสวมรอยเป็นพนักงานสอบสวน เรียกเงินใต้โต๊ะ
โดยเจ้าหน้าที่ได้แสดงตนเข้าจับกุม ขณะ พ.ต.ท. ประชา รับเงินของกลางจำนวน 100,000 บาท จากผู้เสียหายที่ร้องทุกข์มายัง บก.ปปป. ซึ่งเป็นเงินที่เจ้าหน้าที่ใช้ทำการล่อจับ โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่ห้องทำงาน สภ.เมืองนนทบุรี พร้อมแจ้งดำเนินคดีใน 2 ข้อหา คือข้อหาฉ้อโกง และข้อหาแสดงตนเป็นบุคคลอื่น เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ แต่ยอมรับว่าไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเกษียณอายุราชการมาแล้วเป็นเวลา 6 ปี

ภาพจาก สำนักข่าว INN
จากการตรวจสอบพบว่า พ.ต.ท. ประชา ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะตำรวจที่ สภ.เมืองนนทบุรี เป็นเวลากว่า 20 ปี โดยเกษียณอายุราชการเมื่อปี 2558 ด้าน พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.บก.ปปป. เปิดเผยว่า ได้รับการแจ้งความร้องทุกข์จากผู้เสียหาย จึงได้ตรวจสอบและส่งเรื่องต่อให้เจ้าหน้าที่ สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อเตรียมแผนซ้อนจับกุมในครั้งนี้
ขณะที่ นายอัจฉริยะ ได้เปิดเผยถึงพฤติการณ์ของอดีตนายตำรวจคนดังกล่าวว่า ตนได้รับเรื่องร้องทุกข์จากผู้เสียหาย คือ นายสมศักดิ์ วาสุโพธิ์ ผู้เสียหายในคดีฉ้อโกงที่ดิน พร้อมกับนายจีระพงษ์ ทนายความ ซึ่งผู้เสียหายเคยถูกเรียกให้เข้าไปพบพนักงาน จากนั้นมีการเรียกรับเงินใต้โต๊ะ โดยอดีตนายตำรวจได้ทำหน้าที่เป็นพนักงานสอบสวนทุกขั้นตอน ทั้งส่งหมาย และสอบปากคำ จนกระทั่งได้เผยพฤติการณ์เรียกรับเงิน แต่เมื่อตรวจสอบข้อมูล สภ.นนทบุรี กลับไม่พบภาพของอดีตนายตำรวจ จึงได้ทำเรื่องร้องเรียนมายังนายอัจฉริยะ และ บก.ปปป. เพื่อให้ตรวจสอบเพิ่มเติม
ด้านทนายความของผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เคยพูดคุยกับอดีตนายตำรวจคนดังกล่าว พบว่าได้เรียกรับเงินแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ จ่าย 100,000 บาท เพื่อให้สำนวนอ่อนลง หรือจะจ่ายเพิ่มแต่ไม่ได้ระบุจำนวนเงินเพื่อให้ผู้เสียหาหลุดพ้นจากคดี
ส่วน พ.ต.อ. ยรรยง สันติปรีชาวัฒน์ รองผบก.ภ.จว.นนทบุรี เปิดเผยว่า กรณีการสวมรอยเป็นพนักงานสอบสวนของอดีตนายตำรวจคนดังกล่าวนั้น อยู่ในขั้นตอนของการจับกุมขอให้เป็นไปตามกระบวนการและอยู่ระหว่างการตรวจสอบพยานหลักฐาน พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีการช่วยเหลือกันในหลุดพ้นคดีอย่างแน่นอน ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังอยู่ในระหว่างการสอบสวน

ภาพจาก สำนักข่าว INN






