
ด้วยโลกที่เปลี่ยนไป พฤติกรรมผู้บริโภคย่อมเปลี่ยนตาม กลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ก็อยู่เฉยไม่ได้ ต้องปรับตัวตามไปด้วย หากช้าไปแค่ก้าวเดียวก็อาจจะล้มตึง มิสชั่นหลักของหลายองค์กรคือ การเฟ้นหานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้และพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงการพัฒนาธุรกิจอยู่ตลอดเวลา เพื่อช่วยให้มีโอกาสในการประสบความสำเร็จและมีผู้ร่วมสนใจเข้ามาลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะในวงการอุตสาหกรรม ที่ถือว่าเป็นธุรกิจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ หากหยุดพัฒนาเมื่อไหร่ก็ตุ้บได้เมื่อนั้น
ในวันนี้เราจึงอยากพาทุกคนไปรู้จักกับการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่แห่งอนาคต หรือ New S-Curve ที่ได้รับความสนใจในหมู่นักลงทุนทั้งไทยและชาวต่างชาติจำนวนมาก และขอแนะนำธุรกิจสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีที่โดดเด่น เผื่อใครสนใจลงทุนหรือทำธุรกิจเกี่ยวกับนวัตกรรมได้ลองมาทำความเข้าใจกันให้มากขึ้น
New S-curve คืออะไร
อย่างที่บอกไปว่า “กลุ่มอุตสาหกรรม” เป็นกลไกหลักสำคัญที่คอยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย มีมูลค่าสูง แต่อัตราการขยายตัวกลับลดลง ภาครัฐจึงต้องเร่งกระตุ้นให้คนหันมาลงทุนกันมากขึ้น เพื่อก้าวไปสู่การเป็นประเทศที่มีรายได้สูง การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ มาใช้พัฒนาจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งวงจรชีวิตของเทคโนโลยีจะเป็นเหมือนเส้นโค้งรูปตัวเอส หรือ S-Curve เมื่อพัฒนาไปเรื่อย ๆ ก็ถึงจุดอิ่มตัว จำเป็นต้องหา S-Curve เส้นใหม่มาแทน เพื่อให้เกิดการพัฒนาต่อได้ต่อเนื่อง ไม่ให้หยุดนิ่งนั่นเอง

Innovation Lifecycle
ในปัจจุบัน กลุ่มอุตสาหกรรมไทยแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ 2 กลุ่ม ตามมูลค่าทางเศรษฐกิจและแนวโน้มในการเติบโตในอนาคต คือ
First S-Curve หรือ กลุ่มอุตสาหกรรมเดิมที่มีอยู่แล้วในประเทศ มีศักยภาพในการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง มี 5 อุตสาหกรรม ได้แก่ ยานยนต์สมัยใหม่, อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ, การท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ, การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ และการแปรรูปอาหาร
New S-Curve หรือ กลุ่มอุตสาหกรรมอนาคต ที่เน้นการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม มีแนวโน้มสูงมากที่จะเติบโตในอนาคต มี 5 อุตสาหกรรม ได้แก่ หุ่นยนต์, การบินและโลจิสติกส์, เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ, ดิจิทัลและการแพทย์ครบวงจร แต่เนื่องจากยังไม่ค่อยมีผู้ประกอบการมากนัก มูลค่าทางเศรษฐกิจก็จะไม่สูงเท่ากลุ่มแรก จึงต้องมีการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้มากขึ้น
ถึงแม้อุตสาหกรรมเดิม (First S-Curve) จะมีมูลค่าสูงก็จริง แต่ก็ช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตได้เพียงระยะสั้น-กลางเท่านั้น จึงต้องถูกเติมเต็มด้วยอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (New S-Curve) เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดและในระยะที่ยาวขึ้นนั่นเอง
เทรนด์การลงทุนของกลุ่ม New S-Curve

อย่างในกลุ่ม ปตท. ที่ทำธุรกิจหลักด้านพลังงาน ก็ได้ให้ความสำคัญและสนใจลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมเจ๋ง ๆ เพื่อนำมาต่อยอดสร้างเป็นธุรกิจในอนาคต (New Business) จึงได้จัดตั้งโครงการเอ็กสเพรสโซ หรือ Express Solutions Project (ExpresSo) ทีมที่ฟอร์มคนรุ่นใหม่ไฟแรงขึ้นมาเพื่อค้นหาโอกาสในการลงทุนใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา ด้วยหลักการลงทุนที่น่าสนใจ คือ
-
Venture Capital (VC) : เข้าไปลงทุนในสตาร์ทอัพทั้งในและต่างประเทศ ที่มีนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ สอดรับกับวิสัยทัศน์บริษัท ‘Powering Life with Future Energy and Beyond’ โดยสามารถนำมาช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับองค์กร ควบคู่ไปกับการสร้างผลตอบแทนทางการลงทุนได้
-
Venture Builder (VB) : ทดลองโครงการ ทดสอบแนวคิดทางธุรกิจ หรือจัดทำต้นแบบเพื่อนำมาสร้างธุรกิจด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในอนาคตร่วมกับ กลุ่ม ปตท.
- Venture Partner (VP) : เป็นพันธมิตรหรือเพื่อนคู่คิดให้กับหน่วยธุรกิจ เพื่อสร้างนวัตกรรมแบบเปิด (Open Innovation) โดยอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน

ภาพจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ทีมงานโครงการเอ็กสเพรสโซ (ExpresSo)
ส่องธุรกิจใหม่ที่น่าสนใจใน New S-Curve
(Renewable Energy Acceleration Platform)

ภาพจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

ภาพจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

ภาพจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

ภาพจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

ภาพจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

ภาพจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

MekhaTech (บริษัท เมฆาเทคโนโลยี จำกัด) เป็นธุรกิจที่ให้บริการด้านการจัดการข้อมูลต่าง ๆ ผ่านระบบ “คลาวด์” (Cloud) ทั้งการจัดเก็บ ประมวลผล และจัดการข้อมูล ให้กับองค์กรภายนอก รวมถึงของกลุ่ม ปตท. เอง ได้อย่างรวดเร็ว มีความปลอดภัยสูง ช่วยสร้างความแข็งแกร่งด้าน IT ให้กับองค์กร สามารถนำข้อมูลต่าง ๆ ไปพัฒนาเป็นแอปพลิเคชันใหม่ ๆ หรือผลิตภัณฑ์ ให้ออกมาตรงใจลูกค้าได้ในอนาคต
ขอบคุณข้อมูลจาก
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, กระทรวงอุตสาหกรรม, brandinside.asia, มหาวิทยาลัยสยาม, Mushroom TV, Scurve Hub