นักศึกษาหนุ่มอังกฤษ ไปเที่ยวอัฟกานิสถาน อยากรู้อันตรายแค่ไหน ไม่ฟังคำเตือนใคร สุดท้ายหนีตอลิบานหัวซุกหัวซุน คนรุมด่ายับ
วันที่ 16 สิงหาคม 2564 เว็บไซต์เดอะซัน รายงานว่า ไมล์ส รูทเลดจ์ นักศึกษาหนุ่มชาวอังกฤษ วัย 24 ปี ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักบนสังคมออนไลน์ รวมทั้งสื่อหลายสำนัก หลังจากที่เขาเดินทางไปเที่ยวอัฟกานิสถาน ขณะที่ตอลิบานกำลังยึดประเทศ โดยตั้งใจไปเพราะอยากรู้ว่าจะร้ายแรงแค่ไหน สุดท้ายต้องหนีหัวซุกหัวซุน
ไมล์ส กำลังศึกษาด้านฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยลัฟบะระ เพื่อนของเขาเล่าว่า ก่อนหน้านี้ไมล์สได้ตั้งกระทู้บนเว็บบอร์ดของมหาวิทยาลัย ประกาศว่าไปเที่ยวในที่ที่ "เหลือเชื่อสุด ๆ" ในช่วงหน้าร้อน แต่ไม่มีใครเชื่อ เพราะเขาเป็นพวกชอบเล่นตลกฮาไปเรื่อย แต่กลับกลายเป็นว่าเขาไปจริง ๆ
นักศึกษาหนุ่มเสิร์ชกูเกิลหา "สถานที่ที่อันตรายที่สุดในโลก" ซึ่ง อัฟกานิสถาน ปรากฏขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง เขาจึงตัดสินใจจองตั๋วเครื่องบินทันที
"ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาบ้าไปแล้ว การไปอัฟกานิสถานตอนนี้คือโง่ยิ่งกว่าโง่ มันคือการไปตาย แต่ยิ่งพูดเหมือนยิ่งยุ โนสนโนแคร์และอยากโชว์ออฟว่าข้าเจ๋ง จะได้มีเรื่องมาเล่าให้พรรคพวกฟังว่าคาบูลมันโหดแค่ไหน
ตอนแรกไม่มีใครเชื่อนะไมล์สไปจริง ๆ แต่มันดันไปจริง ซึ่งไม่ได้ไปเที่ยวเพื่อดูว่าคนเขาอยู่กันยังไงอะครับ คือหมอนี่มันไปเที่ยวขำ ๆ จริง ๆ ซึ่งเกินเบอร์มาก ไม่ฟังคำเตือนใครเลยและไม่คิดว่ามันอันตรายแค่ไหน เขายังโพสต์บน Reddit เลยว่า จะซื้อมีดไปด้วยเพื่อป้องกันตัว และบอกว่าอยากโดนยิง แม่* สมงสมองไปหมดแล้ว ผมบอกเลยว่ามันสู้ใครไม่ได้อะครับ มันต่อยกับเด็กมหาวิทยาลัยยังไม่ชนะเขาเลย ตอลิบานนี่ไม่ต้องคิด" เพื่อนของไมล์ส (ไม่เปิดเผยนาม) กล่าวกับสื่อ
จากข้อมูลในตั๋วเครื่องบิน ไมล์สไปถึงกรุงคาบูล เมืองหลวงของอัฟกานิสสถาน ในวันที่ 13 สิงหาคม ซึ่งสถานการณ์กำลังใกล้วิกฤต เขายังโพสต์รูปและไลฟ์ตามปกติ บอกว่า "ผมดูคลิปจากยูทูบที่คนไปเที่ยวกัน ก็ไม่เห็นมีอะไร ร้ายแรงสุดเต็มที่ก็คงแค่อาหารเป็นพิษอะครับ ผมประทับใจมากเลยบอกตรง ๆ ทุกอย่างปกติดี ผมว่าอยู่สบาย ๆ ได้เป็นเดือน เมืองไม่แตกหรอกครับ"
ไมล์สยังพูดขำ ๆ อีกว่า เขาซื้อแบล็กการ์ดปลอม ซึ่งระบุตำแหน่งหน้าชื่อเขาว่า ลอร์ด เพราะคิดว่าใช้รับประกันความปลอดภัยได้ แต่ถ้าตาย เขาพร้อมตายอยู่แล้ว และจะตายอย่างภูมิใจด้วย
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายกลุ่มตอลิบานได้ยึดเมือง มีการตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ต ทำให้เขารู้สึกเซ็งที่ใช้หูฟังไร้สายไม่ได้ แม้ว่าอยู่ในสถานการณ์วุ่นวายที่ประชาชนจำนวนมากต้องอพยพและหลบหนีไปยังที่ปลอดภัย ไมลส์เล่าว่าเขาไปอยู่ที่หลบภัยของสหประชาชาติ และได้พบเห็นตอลิบานตัวเป็น ๆ ต้องนอนกับพื้นดินซึ่งลำบากมาก
ทางด้าน ซูซาน แม่ของไมลส์เครียดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ และพยายามทุกทางในการติดต่อไปยังสถานทูตและกระทรวงต่างประเทศ เพื่อสอบถามว่าลูกชายของเธอปลอดภัยหรือไม่ และเธอก็ไม่กล้าบอกครอบครัวด้วยว่าตอนนี้เขาเสี่ยงตายอยู่ที่อัฟกานิสถาน
ล่าสุดวันที่ 17 สิงหาคม ไมล์สได้อัปเดตบนเฟซบุ๊กว่าเขาได้รับการช่วยเหลือมาอย่างหวุดหวิด รอดจากการโดนตอลิบานฆ่าตาย ได้ขึ้นเครื่องบินหนีไปยังดูไบและปลอดภัยแล้ว พร้อมขอบคุณทุก ๆ กำลังใจและความเป็นห่วง
ทั้งนี้ พบว่าไมล์สได้ลบคลิปไลฟ์ โพสต์ขำ ๆ และรูปต่าง ๆ จากเฟซบุ๊กหมดแล้ว เหลือแต่โพสต์ชี้แจงเท่านั้น ซึ่งทั้งนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเขาจะอยู่ดูไบต่อไป หรือจะกลับอังกฤษทันที
ทางด้านชาวโซเชียลก็มีทั้งคอมเมนต์ให้กำลังใจ และทัวร์ก็กำลังลงหนักมากเช่นกัน ทั้งวิจารณ์ว่าเขาไร้ซึ่งความรับผิดชอบ ไร้ความคิด และที่นั่งบนเครื่องบินลำนั้น ควรเป็นที่ของคนที่ชีวิตตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ
นอกจากนี้ยังมีโพสต์ต่อว่าอีกเพียบ จนชื่อ Miles Routledge ติดเทรนด์ (ในแง่ลบ) ทั้งบนเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์
ขอบคุณข้อมูลจาก The Sun
วันที่ 16 สิงหาคม 2564 เว็บไซต์เดอะซัน รายงานว่า ไมล์ส รูทเลดจ์ นักศึกษาหนุ่มชาวอังกฤษ วัย 24 ปี ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักบนสังคมออนไลน์ รวมทั้งสื่อหลายสำนัก หลังจากที่เขาเดินทางไปเที่ยวอัฟกานิสถาน ขณะที่ตอลิบานกำลังยึดประเทศ โดยตั้งใจไปเพราะอยากรู้ว่าจะร้ายแรงแค่ไหน สุดท้ายต้องหนีหัวซุกหัวซุน
ไมล์ส กำลังศึกษาด้านฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยลัฟบะระ เพื่อนของเขาเล่าว่า ก่อนหน้านี้ไมล์สได้ตั้งกระทู้บนเว็บบอร์ดของมหาวิทยาลัย ประกาศว่าไปเที่ยวในที่ที่ "เหลือเชื่อสุด ๆ" ในช่วงหน้าร้อน แต่ไม่มีใครเชื่อ เพราะเขาเป็นพวกชอบเล่นตลกฮาไปเรื่อย แต่กลับกลายเป็นว่าเขาไปจริง ๆ
นักศึกษาหนุ่มเสิร์ชกูเกิลหา "สถานที่ที่อันตรายที่สุดในโลก" ซึ่ง อัฟกานิสถาน ปรากฏขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง เขาจึงตัดสินใจจองตั๋วเครื่องบินทันที
"ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาบ้าไปแล้ว การไปอัฟกานิสถานตอนนี้คือโง่ยิ่งกว่าโง่ มันคือการไปตาย แต่ยิ่งพูดเหมือนยิ่งยุ โนสนโนแคร์และอยากโชว์ออฟว่าข้าเจ๋ง จะได้มีเรื่องมาเล่าให้พรรคพวกฟังว่าคาบูลมันโหดแค่ไหน
ตอนแรกไม่มีใครเชื่อนะไมล์สไปจริง ๆ แต่มันดันไปจริง ซึ่งไม่ได้ไปเที่ยวเพื่อดูว่าคนเขาอยู่กันยังไงอะครับ คือหมอนี่มันไปเที่ยวขำ ๆ จริง ๆ ซึ่งเกินเบอร์มาก ไม่ฟังคำเตือนใครเลยและไม่คิดว่ามันอันตรายแค่ไหน เขายังโพสต์บน Reddit เลยว่า จะซื้อมีดไปด้วยเพื่อป้องกันตัว และบอกว่าอยากโดนยิง แม่* สมงสมองไปหมดแล้ว ผมบอกเลยว่ามันสู้ใครไม่ได้อะครับ มันต่อยกับเด็กมหาวิทยาลัยยังไม่ชนะเขาเลย ตอลิบานนี่ไม่ต้องคิด" เพื่อนของไมล์ส (ไม่เปิดเผยนาม) กล่าวกับสื่อ
จากข้อมูลในตั๋วเครื่องบิน ไมล์สไปถึงกรุงคาบูล เมืองหลวงของอัฟกานิสสถาน ในวันที่ 13 สิงหาคม ซึ่งสถานการณ์กำลังใกล้วิกฤต เขายังโพสต์รูปและไลฟ์ตามปกติ บอกว่า "ผมดูคลิปจากยูทูบที่คนไปเที่ยวกัน ก็ไม่เห็นมีอะไร ร้ายแรงสุดเต็มที่ก็คงแค่อาหารเป็นพิษอะครับ ผมประทับใจมากเลยบอกตรง ๆ ทุกอย่างปกติดี ผมว่าอยู่สบาย ๆ ได้เป็นเดือน เมืองไม่แตกหรอกครับ"
ไมล์สยังพูดขำ ๆ อีกว่า เขาซื้อแบล็กการ์ดปลอม ซึ่งระบุตำแหน่งหน้าชื่อเขาว่า ลอร์ด เพราะคิดว่าใช้รับประกันความปลอดภัยได้ แต่ถ้าตาย เขาพร้อมตายอยู่แล้ว และจะตายอย่างภูมิใจด้วย
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายกลุ่มตอลิบานได้ยึดเมือง มีการตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ต ทำให้เขารู้สึกเซ็งที่ใช้หูฟังไร้สายไม่ได้ แม้ว่าอยู่ในสถานการณ์วุ่นวายที่ประชาชนจำนวนมากต้องอพยพและหลบหนีไปยังที่ปลอดภัย ไมลส์เล่าว่าเขาไปอยู่ที่หลบภัยของสหประชาชาติ และได้พบเห็นตอลิบานตัวเป็น ๆ ต้องนอนกับพื้นดินซึ่งลำบากมาก
ทางด้าน ซูซาน แม่ของไมลส์เครียดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ และพยายามทุกทางในการติดต่อไปยังสถานทูตและกระทรวงต่างประเทศ เพื่อสอบถามว่าลูกชายของเธอปลอดภัยหรือไม่ และเธอก็ไม่กล้าบอกครอบครัวด้วยว่าตอนนี้เขาเสี่ยงตายอยู่ที่อัฟกานิสถาน
ล่าสุดวันที่ 17 สิงหาคม ไมล์สได้อัปเดตบนเฟซบุ๊กว่าเขาได้รับการช่วยเหลือมาอย่างหวุดหวิด รอดจากการโดนตอลิบานฆ่าตาย ได้ขึ้นเครื่องบินหนีไปยังดูไบและปลอดภัยแล้ว พร้อมขอบคุณทุก ๆ กำลังใจและความเป็นห่วง
ทั้งนี้ พบว่าไมล์สได้ลบคลิปไลฟ์ โพสต์ขำ ๆ และรูปต่าง ๆ จากเฟซบุ๊กหมดแล้ว เหลือแต่โพสต์ชี้แจงเท่านั้น ซึ่งทั้งนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเขาจะอยู่ดูไบต่อไป หรือจะกลับอังกฤษทันที
ทางด้านชาวโซเชียลก็มีทั้งคอมเมนต์ให้กำลังใจ และทัวร์ก็กำลังลงหนักมากเช่นกัน ทั้งวิจารณ์ว่าเขาไร้ซึ่งความรับผิดชอบ ไร้ความคิด และที่นั่งบนเครื่องบินลำนั้น ควรเป็นที่ของคนที่ชีวิตตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ
นอกจากนี้ยังมีโพสต์ต่อว่าอีกเพียบ จนชื่อ Miles Routledge ติดเทรนด์ (ในแง่ลบ) ทั้งบนเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์
ขอบคุณข้อมูลจาก The Sun
