แฉด้านมืดสีกากี เหตุผู้กำกับโจ้โดนเตะตัดขา เพราะอะไร - สิ่งที่อยู่ในเซฟเฮ้าส์ ต้องเก็บไว้จนตาย

         นิตยสารตำรวจ แฉด้านมืดวงการสีกากี คดีผู้กำกับโจ้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก แต่เขาไม่แฉกัน พร้อมเล่าสาเหตุที่ผู้กำกับโจ้ถูกแทงหลังเพราะอะไร ด้านสันธนะ ยอมรับตรง ๆ ตอนที่ผมเป็นตำรวจผมก็ทำ แต่เล่าได้เพราะคดีหมดอายุความแล้ว

       เมื่อเกิดคดีสะเทือนขวัญที่ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ใช้ถุงดำคลุมหัวผู้ต้องหาจนเสียชีวิต แลกกับการรีดเงิน 2 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้ทำให้สังคมเริ่มตั้งคำถามถึงความฟอนเฟะของวงการตำรวจว่า มีมากน้อยแค่ไหน และเชื่อกันว่าคดีของผู้กำกับโจ้ คงไม่ใช่คดีแรก ๆ ที่เกิดขึ้นแน่ ๆ ยังมีอีกหลายคดีที่ไม่ได้อยู่ในสปอตไลต์แบบคดีนี้ อยากให้มีเหยื่อรายอื่นออกมาแฉเรื่อย ๆ

          ล่าสุด วันที่ 26 สิงหาคม 2564 นิตยสาร Cops Magazine ซึ่งเป็นนิตยสารเกี่ยวกับวงการตำรวจ ก็มีการเขียนบทความถึงกรณีผู้กำกับโจ้ที่สังคมกำลังถกเถียงกันอยู่ ดังนี้

สถานการณ์ของผู้กำกับโจ้ก่อนเกิดเหตุ ก่อนถึงจุดหักเหสำคัญ โดนลูกน้องตลบหลังเอาคลิปมาปล่อย


          ตัวผู้กำกับโจ้นั้น เป็นคนหนุ่มที่ก้าวพรวดข้ามหน้าข้ามตารุ่นพี่ ปาดหน้าเค้กคว้าเก้าอี้ ผกก.เมืองนครสวรรค์ไปครอง ทำให้มีหลายคนรอจ้องทิ่มแทงอยู่แล้ว กระทั่งถึงวันที่เป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ โดยจุดหักเหของคดีนี้ จากที่เรื่องเงียบ ๆ กลายเป็นโด่งดัง เกิดขึ้นเพราะลูกน้องนำความลับเรื่องนี้ไปร้องเรียนผ่านสื่อ แล้วกล่าวหาเจ้านายว่า เป็นคนรีดเงินผู้ต้องหาคดียาเสพติด แล้วเอาถุงดำคลุมหัวจนตาย นับเป็นการป้ายข้อหา "ประพฤติมิชอบร้ายแรง กรรโชกทรัพย์ และเจตนาฆ่า" ใส่ผู้กำกับโจ้ ทำให้ตอนนี้กำลังได้รับมรสุมอย่างหนัก

    อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวอีกแหล่งข่าวรายงานว่า สาเหตุที่ลูกน้องปล่อยคลิปนี้ แทนที่จะลบตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา เพราะถูกผู้กำกับโจ้รีดไถเงินเพื่อเอาไปปิดปากให้คนใกล้ชิดผู้เสียชีวิต ทั้งที่คนที่ทำให้ผู้ต้องหาตายไม่ใช่ลูกน้อง แต่คือผู้กำกับโจ้ เมื่อเป็นเช่นนี้จึงมอบคลิปไปให้กับทนายคนหนึ่ง แต่ทนายคนนั้นกลับไม่ยอมเผยแพร่ และมีข่าวว่าเอาคลิปไปต่อรองหาผลประโยชน์อีก ทางลูกน้องจึงกลัวภัยจะมาถึงตัวจึงเอาคลิปไปมอบให้ทนายษิทรา นำมาสู่การเปิดโปงดังกล่าว

พร้อมยอมรับ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อย แต่มันควรจบที่เซฟเฮ้าส์


ผู้กำกับโจ้

          บทความบรรทัดต่อมา สามารถสรุปได้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้นายตำรวจรุ่นใหญ่ ๆ รู้สึกสลดใจที่มีการแฉออกมา จนมีวลีที่ว่า "วงการนักสืบเขาไม่ทำกัน" ถ้าเป็นสมัยก่อน คงมีตำรวจอีกหลายคนที่ต้องติดคุกเพียบ ดังนั้น ความลับในเซฟเฮ้าส์ ก็ควรถือเป็นความลับไปจนวันตาย หากใครเอาไปแพร่งพราย เหมือนถูกพิพากษาให้ตายทั้งเป็น

          แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นในนครสวรรค์ อาจจะเป็นเรื่องที่แต่งให้เกิดความจริง หรืออาจจะเป็นเรื่องจริงที่ถูกปิดบังอำพรางความประพฤติชั่วของตำรวจบางกลุ่ม

          ในวันนี้มีปฏิกิริยารุมกินโต๊ะ ผู้กำกับโจ้ถูกหลายฝ่ายจัดการ เช่น ถูก พล.ต.ท. อภิชาติ ศิริสิทธิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 คุณพ่อของใบเตย พรพจี ซึ่งเป็นสาวคนสนิทที่ผู้กำกับโจ้คบหาด้วย เป็นคนสั่งย้ายไปช่วยราชการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 6 และตั้งกรรมการสอบ หลังจากนั้น พล.ต.อ. วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ ส่งทีมจเรตำรวจเข้ามาร่วมจัดการอีกแรง จนผู้กำกับโจ้รับศึกหลายด้าน

สันธนะ เผย ตอนเป็นตำรวจก็เคยทำแบบนี้


          นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล กล่าวในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ว่า ตนไม่มั่นใจว่าที่ผู้กำกับโจ้ทำแบบนี้ ต้องการจะเค้นหรือต้องการจะฆ่า แต่ถ้ามีถุงดำคลุมแบบนี้อาจจะเป็นการฆ่า และถ้าเขาจะขาดอากาศหายใจ คุณก็น่าจะรู้ ถ้าคุณมีประสบการณ์พอ จะต้องรู้ว่าจังหวะไหนควรผ่อน จังหวะไหนควรคลาย ในความเห็นผม อาจจะเป็นเรื่องขาดประสบการณ์มากกว่า

          อีกอย่างการทำแบบนี้ ควรทำในเซฟเฮ้าส์มากกว่า ไม่ใช่ทำในสถานี ภาพจึงปรากฏชัดเจนในกล้องวงจรปิด ปฏิเสธไม่ได้แล้วว่าเป็นคดีอาญา


          ด้านหนุ่ม กรรชัย ถามตรง ๆ ว่า ในยุคที่นายสันธนะเป็นตำรวจ ทำแบบนี้หรือเปล่า นายสันธนะตอบว่า ยุคที่ตนเป็นตำรวจก็ทำ เพราะสมัยนั้นเทคโนโลยีไม่ได้มาถึงขั้นนี้ การจับกุมคนร้ายค่อนข้างยากเย็น มันจึงต้องมีวิธีการสอบสวน

          "เราก็ยอมรับว่าเคยกระทำในลักษณะแบบนี้ แต่ของผมก็หมดอายุความ พ้นจากราชการมาแล้ว"

ขอบคุณข้อมูลจาก นิตยสาร Cops Magazine


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
แฉด้านมืดสีกากี เหตุผู้กำกับโจ้โดนเตะตัดขา เพราะอะไร - สิ่งที่อยู่ในเซฟเฮ้าส์ ต้องเก็บไว้จนตาย อัปเดตล่าสุด 26 สิงหาคม 2564 เวลา 14:35:58 69,049 อ่าน
TOP
x close