เปิดเรื่องราวของนกโจรสลัดใหญ่ เจ้าของฉายาเรือรบบินได้แห่งแปซิฟิก นอกจากจะมีรูปลักษณ์สุดเก๋ยังกะมีลูกโป่งลูกเบิ้มที่คอแล้ว ยังเป็นสุดยอดนักล่าที่เก่งมาก
นกโจรสลัดแมกนิฟิเซนต์ หรือ นกโจรสลัดใหญ่ (Magnificent Frigatebird) คือนกทะเลขนาดใหญ่ อันดับเดียวกับนกกระทุง เป็นหนึ่งในสายพันธุ์นกที่ใหญ่สุดในโลก ขนสีดำ ลำตัวยาว 89 - 114 เซนติเมตร เมื่อสยายปีกแล้ว วัดความยาวจากปลายปีกทั้งสองข้างได้ถึง 2.17 - 2.44 เมตรมีถิ่นอาศัยในเขตร้อน ตั้งแต่ทางตอนเหนือของเม็กซิโก เปรู บราซิล ริมฝั่งทะเลแปซิฟิก รวมไปถึงเกาะกาลาปากอสและเกาะเคปเวิร์ด มันมีหรือฉายาว่า เรือรบบินได้ เพราะเป็นนักล่าที่เก่งกาจมาก
ด้วยความที่นกโจรสลัดใหญ่ดำน้ำไม่ได้ เหยื่อหลัก ๆ ของมันจึงเป็น ปลาบิน ซึ่งในบันทึกของวิลเลียม แดมเปียร์ (William Dampier) นักสำรวจชาวอังกฤษเมื่อปี ค.ศ. 1697 ระบุไว้ว่า มันร่อนอยู่บนฟ้าราวกับว่าวมีชีวิต เมื่อใดที่เห็นปลาบิน มันจะพุ่งลงมาโฉบอย่างรวดเร็วและแม่นยำอย่างน่าทึ่ง โดยไม่แตะน้ำแม้แต่น้อย แม้มันจะล่าเองได้อย่างเทพ แต่ปกติจะใช้เทคนิคการล่าเฉพาะตัวในแบบนักเลง ซึ่งทำให้ได้รับอีกฉายาว่า โจรสลัด
เทคนิคที่ว่านั่นก็คือ การขโมยดี ๆ นี่เอง นกโจรสลัดใหญ่มีพฤติกรรมบูลลี่นกชนิดอื่นให้สละอาหารให้มัน เป้าหมายมักจะเป็นนกนางนวลหรือนกทะเลที่ตัวเล็กกว่า โดยเมื่อนกเหล่านี้ล่าเหยื่อมาได้ นกโจรสลัดใหญ่จะไล่ตามรังแกสารพัด จนกว่าอีกฝ่ายจะยอมคายเหยื่อออกมา และนั่นคือช่วงเวลาโชว์เก๋า มันจะพุ่งไปงับเหยื่ออย่างไว ในช่วงระยะไม่กี่วินาที ก่อนที่เหยื่อจะตกลงไปในน้ำ ซึ่ง คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส เคยพบเห็นการล่าแบบนี้กับตาและได้บันทึกเอาไว้ขณะสำรวจเกาะเคปเวิร์ดในปี ค.ศ.1492
นอกจากความมีเอกลักษณ์ในการล่าแล้ว รูปร่างหน้าตาและสไตล์ของมันก็โดดเด่นมาก สมชื่อ Magnificent ที่แปลได้ว่า สง่างาม โดยทรงตัวดีเยี่ยม สามารถบินและร่อนอยู่บนอากาศได้เป็นเวลานานหลายวันโดยไม่พัก นกโจรสลัดใหญ่เพศผู้จะแตกต่างจากตัวเมียโดยมีถุงลมสีแดงที่คอ เมื่อถึงฤดูหาคู่ มันจะพองถุงลมออกมาให้ใหญ่ที่สุดเพื่อเรียกความสนใจจากตัวเมีย
เมื่อจับคู่ทำรังกันแล้ว ตัวเมียจะวางไข่ใบใหญ่เพียงใบเดียวเท่านั้น ตัวผู้และตัวเมียจะช่วยกันกกไข่เป็นเวลา 50 - 60 จนกว่าจะฟักเป็นตัว จากนั้นตัวผู้ก็จะจากไป ตัวเมียจะเลี้ยงดูลูกนกตามลำพังนานเกือบปีจนกว่าจะโตพอ และวงจรชีวิตแห่งการผจญภัยก็เริ่มอีกครั้ง
