
ประวัติกีฬาคริกเก็ต
คริกเก็ตมีต้นกำเนิดมาจากประเทศอังกฤษตั้งแต่ยุคสมัยล่าอาณานิคม คาดว่าน่าจะก่อนปี ค.ศ. 1550 และยังแพร่หลายในประเทศต่าง ๆ ที่อยู่ในเครือจักรภพอังกฤษ เช่น อินเดีย บังกลาเทศ ปากีสถาน ศรีลังกา และออสเตรเลีย เป็นต้น โดยเฉพาะอินเดียชื่นชอบคริกเก็ตอย่างมาก ถึงขนาดจัดการแข่งขัน "อินเดียน พรีเมียร์ลีก" (Indian Premier League: IPL) หรือลีกคริกเก็ตในประเทศอินเดีย ซึ่งคนอินเดียจะให้ความสำคัญกับผู้เล่นแต่ละคนดั่งวีรบุรุษ และได้รับค่าตัวแพงที่สุดในบรรดานักกีฬาทุกประเภทของอินเดีย แถมเงินรางวัลก็สูง และแม้แต่ดาราดังอย่าง ชาห์รุข ข่าน (Shahrukh Khan) ก็ยังหันมาตั้งทีมคริกเก็ตของตัวเองชื่อว่า โกลกาตา (Kolkata Knight Riders)
กีฬาคริกเก็ตในประเทศไทย
คริกเก็ตได้เข้ามาในประเทศไทยครั้งแรกราว ๆ ปี ค.ศ. 1890 โดยเริ่มมีการจัดการแข่งขัน Thailand Cricket League (TCL) เรื่อยมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1971 ทั้งในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และจังหวัดอื่น ๆ รวมทั้งมีการจัดตั้งสมาคมคริกเก็ตแห่งประเทศไทยขึ้น มีนักกีฬาคริกเก็ตทีมชาติไทยทั้งทีมชายและหญิงร่วมแข่งขันทั้งในลีกไทยและลีกต่างประเทศอยู่เสมอ
สนามคริกเก็ต

มีลักษณะเป็นรูปวงรีเกือบกลม พื้นสนามเป็นหญ้าคล้ายสนามฟุตบอล ตรงกลางสนามมีกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้าไว้สำหรับขว้างและตีลูก ซึ่งเรียกว่า Pitch ความยาวประมาณ 20.12 เมตร ความกว้างประมาณ 3.05 เมตร โดยจะมีเส้นที่เรียกว่าเส้นปลอดภัยอยู่ภายในกรอบทั้ง 2 ฝั่ง อยู่ห่างกันประมาณ 17.68 เมตร และในลาน Pitch จะมีเสาไม้ 3 เสา วางเชื่อมกันด้วยตัวหนอน 2 ตัว เรียกว่า วิกเก็ต (Wicket)
อุปกรณ์คริกเก็ต

- ไม้ตี
- ลูกบอล
- ถุงมือ
- หมวก
- เครื่องป้องกันสีข้าง
- เครื่องป้องกันหน้าแข้ง
- กระจับ
- ถุงมือคีปเปอร์
เวลาการแข่งขัน
ผู้เล่นคริกเก็ต
มีผู้เล่นทีมละ 11 คน แบ่งเป็นทีมรับและทีมตี

ทีมตี - เลือกผู้เล่น 2 คนลงสนาม
-
ผู้ตี (Batter) คนที่ 1 ยืนอยู่หน้าเส้นวิกเก็ตหรือเส้นปลอดภัย
-
ผู้ตี (Batter) คนที่ 2 ยืนอยู่หลังเส้นปลอดภัย ฝั่งตรงข้ามของผู้ตีคนที่ 1 ด้านซ้ายหรือขวาก็ได้
ทีมรับ - ผู้เล่นทั้ง 11 คนลงสนามทั้งหมด
-
ผู้ขว้าง (Bowler) จะยืนหลังวิกเก็ต โดยอยู่หลังกรรมการคนที่ 1 ทำหน้าที่ขว้างลูกให้ไปโดนแท่งไม้ที่ตั้งไว้บนสนาม 3 แท่ง ซึ่งเรียกว่า Wickets
-
ผู้รักษาวิกเก็ต (Wicket Keeper) จะยืนหลังวิกเก็ตฝั่งเดียวกับผู้ตีคนที่ 1
-
ผู้รับ (Fielders) อีก 9 คน จะยืนในสนามตำแหน่งใดก็ได้แต่ต้องอยู่นอกลาน Pitch
กติกาการเล่นคริกเก็ต
วิธีการเล่นกีฬาคริกเก็ต โดยสมาคมกีฬาคริกเก็ตแห่งประเทศไทย (Cricket Thailand)
ทีมตี
-
ผู้ตี (Batter) คนที่ 1 จะมีหน้าที่ตีบอลที่ถูกขว้างมา (ทิศทางใดก็ได้ 360 องศา) ถ้าตีโดนจะต้องรีบวิ่งให้เข้ามาในเส้นปลอดภัยของอีกฝั่ง ก่อนที่ผู้รับจะรับลูกบอลได้แล้วโยนลูกบอลกลับมาทำลายวิกเก็ต
-
โดยผู้ตีทั้งสองจะวิ่งสวนกันกี่รอบก็ได้เพื่อเก็บคะแนน ขึ้นอยู่กับการคาดการณ์ของผู้ตีที่จะสามารถเข้ามาในเส้นปลอดภัยของอีกฝั่งได้ก่อนที่วิกเก็ตจะถูกทำลาย
-
ซึ่งหากวิกเก็ตถูกทำลาย ผู้ตีฝั่งวิกเก็ตนั้นจะต้องออกจากการแข่งขัน (Run Out) และไม่สามารถกลับมาตีได้อีก ทีมตีจะต้องส่งผู้ตีคนใหม่มาแทน
ทีมรับ
-
ผู้ขว้าง (Bowler) จะมีหน้าที่ขว้างบอลเพื่อทำลายวิกเก็ต ซึ่งจะส่งผลให้ผู้เล่นทีมตีต้องออกไป โดยบอลที่ขว้างต้องกระทบบนลาน Pitch 1 ครั้ง ก่อนที่บอลจะลอยไปถึงเป้าหมาย หากขว้างเสียจะทำให้อีกฝ่ายได้คะแนน
-
ลูกที่ขว้างเสีย 1 ลูก จะได้ 1 คะแนน
-
เมื่อขว้างลูก 6 ครั้ง จะเรียกว่า 1 โอเวอร์ (Over) โดยแต่ละเกมจะมีการกำหนดไว้ว่าจะเล่นกี่โอเวอร์ ส่วนใหญ่จะกำหนดไว้ที่ 10 โอเวอร์, 20 โอเวอร์ หรือมากสุดที่ 50 โอเวอร์
-
ยกเว้นแต่ทีมนั้นจะมีผู้ตีออกจากสนามครบ 10 คน ก่อนจะเล่นครบโอเวอร์
-
เมื่อจบโอเวอร์หนึ่งแล้ว ฝ่ายสนามสามารถเปลี่ยนผู้ขว้างได้
-
ผู้รักษาวิกเก็ต (Wicket keeper) จะมีหน้าที่คอยรับหรือหยุดบอลจากผู้ขว้างหากผู้ตีตีลูกพลาด นอกจากนี้ยังคอยรับลูกที่ถูกตีโดยไม่ให้ลูกกระทบพื้นก่อนด้วย

วิธีที่ทีมรับจะทำให้ทีมผู้ตีออกจากการแข่งขัน ได้แก่
-
ขว้างโดนวิกเก็ต
-
รับบอลที่ถูกตีได้ก่อนจะตกพื้น
-
ผู้รับเก็บบอลได้และใช้ลูกบอลทำลายวิกเก็ตก่อนที่ผู้ตีจะวิ่งถึงเขตปลอดภัย
การทำแต้ม
ทีมตี
-
ตีลูกและวิ่งไปยังไม้วิกเก็ตอีกฝั่งหนึ่งก่อนที่ฝ่ายสนามจะโยนลูกไปโดนไม้วิกเก็ตฝั่งใดฝั่งหนึ่ง เมื่อมือตีทั้ง 2 คนวิ่งไปสุดทางวิ่งแล้วจึงนับเป็น 1 คะแนน แต่ผู้ตีสามารถตัดสินใจได้ว่าจะไม่วิ่งออกไปก็ได้ถ้าเห็นว่าลูกนั้นเสี่ยงถูกทำให้ออกจากสนาม หรือจะวิ่งมากกว่า 1 คะแนนก็ได้ถ้าเห็นว่าฝ่ายสนามไม่สามารถโยนบอลเข้ามาได้ทัน
-
ตีลูกให้ออกจากสนามโดยที่ลูกกระดอนหรือสัมผัสพื้น นับเป็น 4 คะแนน
-
ตีลูกให้ออกจากสนามโดยที่ลูกลอยออกหรือไม่สัมผัสพื้นเลย นับเป็น 6 คะแนน
ทีมรับ
-
ผู้ขว้าง (Bowler) ทำหน้าที่เป็นคนขว้างลูกให้มือตี (Batsman) โดยต้องทำให้ฝ่ายตีออกจากสนามให้มากที่สุด โดยมีหลายวิธีคือ
-
ขว้างลูกให้โดนไม้วิกเก็ต (wickets) ที่อยู่ด้านหลังของมือตี
-
ขว้างลูกให้โดนขาของมือตีที่อยู่ด้านหน้าของไม้วิกเก็ต
-
รับลูกที่มือตีตีออกมาโดยที่ลูกยังไม่สัมผัสพื้นหรือออกจากสนาม
-
โยน ขว้าง หรือปาลูกไปโดนไม้วิกเก็ตก่อนที่มือตีจะวิ่งมาถึงสุดเส้นของลานวิ่ง ถ้าโดนไม้วิกเก็ตฝั่งไหน มือตีที่ยืนฝั่งนั้นก่อนจะเริ่มเล่นลูกนั้นต้องออกจากสนาม
-
การจบเกมหรืออินนิ่ง
เป็นอย่างไรบ้างคะกับกีฬาคริกเก็ต เราได้รู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมา กติกาการเล่น การได้แต้มกันไปบ้างแล้ว เอาเป็นว่าถ้าหากมีโอกาสได้เป็นผู้เชียร์ก็จะได้เข้าใจมากขึ้นเนอะ
ขอบคุณข้อมูลจาก
markpringle.net
learningpune.org
czopspecter.com
สมาคมกีฬาคริกเก็ตแห่งประเทศไทย
cricketthailand.org